MetaMask คือกระเป๋าคริปโตอเนกประสงค์ที่ช่วยจัดการคริปโตเคอร์เรนซีต่าง ๆ โดยเฉพาะ Ethereum และสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) ได้
สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยอาจรู้สึกว่า MetaMask มีวิธีการใช้งานค่อนข้างซับซ้อน แต่เมื่อเข้าใจฟังก์ชันพื้นฐานแล้ว ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ MetaMask ซึ่งเป็นกระเป๋าคริปโตที่มีความโดดเด่น เราจะอธิบายถึงคุณลักษณะ ฟังก์ชัน วิธีการเริ่มต้นใช้งาน และวิธีการใช้งานอย่างละเอียดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น นอกจากนี้ เรายังจะอธิบายความเสี่ยงและแนะนำข้อควรระวังในการใช้งาน
MetaMask คืออะไร?
MetaMask คือ Ethereum Wallet ที่ใช้จัดการคริปโตเคอร์เรนซีต่าง ๆ เช่น Ethereum และโทเค็นมาตรฐาน ERC-20 เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการจัดการ Altcoins และ NFT และถือเป็นเครื่องมือที่จำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้บริการ DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์) และตลาด NFT
มีความแตกต่างจาก Rakuten Wallet และกระดานเทรดคริปโตที่จัดการ Private Key ให้กับผู้ใช้ เพราะในการใช้ MetaMask ผู้ใช้จะต้องจัดการ Private Key ด้วยตนเอง
คุณลักษณะเด่นของ MetaMask
MetaMask เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้ที่สนใจคริปโตเคอร์เรนซีและเหรียญมีมคุณลักษณะของ MetaMask มีดังนี้
- กระเป๋าคริปโตอเนกประสงค์: MetaMask ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับการจัดเก็บคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันที่หลากหลาย นอกจากการรับและส่งคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Ethereum และ Stablecoin แล้วยังรองรับการ Swap โทเค็น การจัดการ NFT การเชื่อมต่อกับ DApps และการสลับเครือข่ายบล็อกเชนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีบทบาทเป็น Polygon Wallet ที่รองรับเหรียญ Layer 2 อย่าง POL
- รองรับหลายแพลตฟอร์ม: MetaMask มีให้บริการในรูปแบบส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันมือถือ ทำให้สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์และแพลตฟอร์มหลากหลายรูปแบบ แม้จะอยู่บนเครือข่าย Ethereum เป็นหลักแต่ก็รองรับบล็อกเชนเครือข่ายอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยความยืดหยุ่นนี้ ผู้ใช้สามารถใช้กระเป๋าคริปโตใบเดียวกันผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และเข้าถึงคริปโตเคอร์เรนซีและ DApps ที่หลากหลายได้ อย่างไรก็ตาม กระเป๋าคริปโตอาจไม่รองรับบางสิ่งบางอย่าง เช่น เกม NFT อย่าง STEPN
- อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้: MetaMask ถูกออกแบบมาให้ผู้เริ่มต้นที่มีความรู้ทางเทคนิคเพียงเล็กน้อยสามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ในทันที ด้วยการออกแบบที่ดูเรียบง่าย ทำให้การจัดการและการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเรื่องสะดวกสบายแม้จะมีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง แต่ผู้ใช้สามารถใช้งานกระเป๋าคริปโตได้ราวกับแอปพลิเคชันทางการเงินทั่วไป
ความปลอดภัยของ MetaMask
MetaMask มาพร้อมกับฟังก์ชันความปลอดภัยพื้นฐานในฐานะกระเป๋าเงินคริปโต แต่ความปลอดภัยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานของผู้ใช้ ดังนั้น ผู้ใช้จึงควรใช้งานอย่างระมัดระวัง
MetaMask เก็บ Private Key ของผู้ใช้ในรูปแบบการเข้ารหัสบนอุปกรณ์ โดย Private Key จะไม่ถูกเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ของ MetaMask ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการแฮ็กบนศูนย์ข้อมูล นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์สำรองข้อมูลด้วย Secret Recovery Phrase หรือ Seed Phrase ที่ใช้สำหรับการกู้คืนกระเป๋าคริปโตในกรณีที่อุปกรณ์สูญหาย
Secret Recovery Phrase และ Private Key มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสิ่งเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วทั้ง 2 สิ่งแตกต่างกัน โดย Secret Recovery Phrase เปรียบเสมือนแม่กุญแจที่ใช้สำรองข้อมูลของกระเป๋าคริปโตทั้งหมด ส่วน Private Key จะถูกสร้างขึ้นจาก Secret Recovery Phrase
หากมี Secret Recovery Phrase คุณจะสามารถกู้คืนบัญชีและ Private Key ทั้งหมดในกระเป๋าคริปโตได้ ในขณะที่ Private Key จะใช้ได้กับบัญชีเฉพาะเท่านั้น และจะถูกใช้เมื่อต้องการโอนย้ายหรือเข้าถึงบัญชีในกระเป๋าคริปโตใบอื่น ซึ่งทั้ง 2 สิ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญมากและผู้ใช้ควรเก็บรักษาอย่างระมัดระวัง
คุณลักษณะ | Secret Recovery Phrase | Private Key |
รูปแบบ | คำภาษาอังกฤษ 12 คำ (หรือ 24 คำ) | ตัวอักษรเลขฐานสิบหก 64 ตัว |
การสร้าง | สร้างอัตโนมัติเมื่อสร้างกระเป๋าเงิน | สร้างจาก Recovery Phrase |
การใช้งาน | การกู้คืนกระเป๋าเงิน การสร้างที่อยู่หลายที่อยู่ | การเข้าถึงและการลงนามสำหรับที่อยู่เฉพาะ |
การจัดการ | หนึ่ง Phrase สามารถจัดการได้หลายที่อยู่ | มี Private Key ที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละที่อยู่ |
ความปลอดภัย | สูงมาก (จำง่ายและลดข้อผิดพลาดในการป้อน) | สูง (แต่ยากในการจัดการเพราะมีความยาว) |
ความง่ายในการสำรอง | ค่อนข้างง่าย (เพียงจดบันทึกคำ) | ค่อนข้างยาก (ต้องบันทึกตัวอักษรยาวอย่างถูกต้อง) |
การใช้เมื่อกู้คืน | ใช้ได้โดยตรงเมื่อกู้คืน MetaMask | โดยปกติผู้ใช้จะไม่ได้จัดการเองได้โดยตรง |
MetaMask มีการพัฒนาและเสริมความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเป็น Hot Wallet (กระเป๋าคริปโตที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา) จึงมีความปลอดภัยน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Cold Wallet (กระเป๋าคริปโตรูปแบบออฟไลน์) โดยอาจเสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่ง เว็บไซต์ที่มีเจตนาร้าย หรือมัลแวร์ต่าง ๆ
คุณสมบัติ | Hot Wallet | Cold Wallet |
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต | เชื่อมต่อตลอดเวลา | ออฟไลน์ |
ความสะดวก | สูง (ทำธุรกรรมได้ทันที) | ค่อนข้างต่ำ (มีขั้นตอนเพิ่มเติมในการทำธุรกรรม) |
ความปลอดภัย | ค่อนข้างต่ำ | สูง |
วัตถุประสงค์ในการใช้งาน | ธุรกรรมประจำวันและเก็บเงินจำนวนน้อย | เก็บระยะยาวและเก็บเงินจำนวนมาก |
ตัวอย่าง | MetaMask และกระเป๋าคริปโตบนกระดานเทรด | Ledger Nano และ Trezor |
การเก็บ Private Keys | บนอุปกรณ์ (เข้ารหัส) | ฮาร์ดแวร์เฉพาะหรือกระดาษ |
ความเสี่ยงจากมัลแวร์ | มี | แทบไม่มี |
ความเร็วในการทำธุรกรรม | เร็ว | ค่อนข้างช้า |
ค่าใช้จ่าย | ส่วนใหญ่ฟรี | ต้องซื้ออุปกรณ์เฉพาะ |
การสำรองข้อมูล | Secret Recovery Phrase | Secret Recovery Phrase และการสำรองข้อมูลทางกายภาพ |
เมื่อใช้ MetaMask ผู้ใช้ควรระมัดระวังและตระหนักถึงความปลอดภัยอยู่เสมอ เพราะแม้ตลาดคริปโตจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากการอนุมัติ Bitcoin ETF แต่ในช่วงขาขึ้นมักจะมีการฉ้อโกงและความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย MetaMask มีการพัฒนาความปลอดภัยอยู่เสมอ แต่ความรับผิดชอบสุดท้ายอยู่ที่ผู้ใช้เอง
สกุลเงินที่รองรับใน MetaMask
MetaMask เป็นกระเป๋าคริปโตที่ใช้ Ethereum เป็นเครือข่ายหลัก แต่สามารถใช้กับคริปโตเคอร์เรนซีสกุลอื่น ๆ ได้อีกมากมาย เหรียญที่ MetaMask รองรับมีดังนี้
- Ethereum (ETH): เป็นสกุลเงินหลักของ MetaMask ใช้สำหรับการชำระค่าแก๊สหรือค่าธรรมเนียมการธุรกรรมฃและการใช้ Smart Contract
- โทเค็น ERC-20: โทเค็นมาตรฐานที่ถูกสร้างบนบล็อกเชน Ethereum รองรับ Stablecoin อย่าง USDT (Tether), USDC (USD Coin), DAI, LINK (Chainlink), UNI (Uniswap) และอื่น ๆ
- โทเค็น ERC-721: รู้จักกันในชื่อ Non-Fungible Token (NFT) ใช้แสดงความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น ศิลปะดิจิทัลและไอเท็มในเกม
- เครือข่ายบล็อกเชนที่รองรับ EVM: รองรับบล็อกเชนอื่น ๆ ที่ใช้งานร่วมกับ Ethereum ได้ เช่น BNB Chain (เดิมคือ Binance Smart Chain), Polygon และ Avalanche
- เครือข่าย L2: เครือข่าย Layer 2 ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสามารถในการขยายตัวของ Ethereum เช่น Arbitrum และ Optimism
เครือข่ายที่ MetaMask รองรับมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน MetaMask ยังไม่รองรับ Bitcoin (BTC) แต่มีแผนที่จะรองรับในอนาคต
MetaMask มีการอัปเดตรายชื่อเหรียญใหม่ ๆ ที่รองรับอยู่เสมอ เราขอแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุด รวมไปถึงหากต้องการเพิ่มเหรียญมาใหม่ที่เป็นเหรียญคริปโตพรีเซล ผู้ใช้ควรระมัดระวังความปลอดภัย เช่น การใช้ Contract Address ที่ถูกต้อง
ฟีเจอร์ของ MetaMask
นอกเหนือไปจากการเป็นกระเป๋าคริปโต MetaMask ยังมีฟีเจอร์ที่หลากหลายและมีฟังก์ชันเฉพาะ ดังนี้
- ฟังก์ชันกระเป๋าคริปโต
- การเชื่อมต่อกับ DApps
- การจัดการ NFT
- การซื้อคริปโต (เช่น Ethereum)
- การโอนคริปโต
- ฟังก์ชันการ Swap โทเค็น
- ฟังก์ชัน Bridge
- การจัดการค่าแก๊ส
- ฟังก์ชันการ Stake
ฟังก์ชันกระเป๋าคริปโต
MetaMask เป็นกระเป๋าคริปโตที่ใช้เครือข่าย Ethereum เป็นหลัก สามารถเก็บและส่งโทเค็น ERC-20 และ ERC-721 ได้อย่างปลอดภัย ผู้ใช้สามารถจัดการ Private Keys และเข้าถึงสินทรัพย์ของตนเองได้
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถตรวจสอบยอดคงเหลือและติดตามประวัติการทำธุรกรรมในกระเป๋าคริปโต จัดการบัญชีหลายบัญชี และสลับการใช้งานระหว่างบัญชีได้อย่างง่ายดาย เช่น การแยกบัญชีระหว่างบัญชีซื้อขายประจำกับบัญชีสำหรับการถือครองคริปโตระยะยาว
การเชื่อมต่อกับ DApps
MetaMask เป็น DeFi Wallet ที่มีฟีเจอร์การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps) แบบไร้รอยต่อ ผู้ใช้สามารถลงชื่อเข้าใช้บน DApps ผ่าน MetaMask และเรียกใช้ Smart Contract ได้ โดย Smart Contract คือสัญญาหรือข้อตกลงที่ถูกเขียนโปรแกรมไว้ล่วงหน้าและทำงานบนบล็อกเชนโดยอัตโนมัติ
ด้วยระบบนี้ ผู้ใช้สามารถใช้บริการทางการเงิน เกม ตลาดซื้อขาย และ DApps อื่น ๆ ได้อย่างหลากหลายโดยไม่ต้องให้ข้อมูลส่วนตัวและเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้ใน Metaverse และเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่น ๆ ในอนาคตอีกด้วย
การจัดการ NFT
MetaMask รองรับการจัดการ NFT ผู้ใช้สามารถเก็บและซื้อขาย NFT ผ่าน MetaMask ได้ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะดิจิทัล ไอเท็มในเกม หรือของสะสมต่าง ๆ MetaMask ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือยืนยันความเป็นเจ้าของ NFT และช่วยให้ผู้ใช้จัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของตนได้อย่างปลอดภัย
การซื้อคริปโต (เช่น Ethereum)
MetaMask มีฟังก์ชันการซื้อคริปโต เช่น Ethereum ผ่านผู้ให้บริการบุคคลที่สาม โดยผู้ใช้สามารถซื้อคริปโตและชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและการโอนเงินผ่านธนาคารได้
ข้อดีคือผู้ใช้สามารถซื้อคริปโตและเพิ่มเหรียญเข้าสู่กระเป๋าคริปโตได้โดยไม่ต้องผ่านกระดานเทรดได้อย่างสะดวกสบาย อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชันนี้อาจมีข้อแตกต่างบางประการในแต่ละภูมิภาค ผู้ใช้จึงควรตรวจสอบก่อนใช้งาน
การโอนคริปโต
ผู้ใช้สามารถส่งคริปโตไปยังที่อยู่กระเป๋าคริปโตใบอื่น ๆ ได้โดยใช้ฟังก์ชันการโอนของ MetaMask เมื่อโอนเหรียญจาก MetaMask ผู้ใช้จำเป็นต้องระบุที่อยู่ของผู้รับ ระบุจำนวนเหรียญที่ส่ง และปรับค่าแก๊ส (ค่าธรรมเนียมธุรกรรม)
ฟังก์ชันการ Swap โทเค็น
ฟังก์ชันการ Swap โทเค็นของ MetaMask ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีสกุลต่าง ๆ ได้ในกระเป๋าคริปโตได้โดยตรงได้อย่างง่ายดาย นับเป็นฟังก์ชันที่สะดวกสบายสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแลกเปลี่ยนเหรียญโดยไม่ต้องผ่านกระดานเทรด
ฟังก์ชัน Bridge
ฟังก์ชัน Bridge ของ MetaMask ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายโทเค็นระหว่างบล็อกเชนได้อย่างง่ายดาย เช่น ผู้ใช้สามารถย้ายโทเค็นจาก Ethereum ไปยังเครือข่ายอื่น
ฟังก์ชัน Bridge ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการสินทรัพย์บนบล็อกเชนหลายเครือข่ายและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่แตกต่างกัน ทำให้การบริหารสินทรัพย์มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
การจัดการค่าแก๊ส
ใน MetaMask ผู้ใช้สามารถปรับค่าแก๊ส (ค่าธรรมเนียมธุรกรรม) ได้อย่างอิสระเมื่อทำธุรกรรม โดยค่าแก๊สมีผลต่อความเร็วและต้นทุนของการทำธุรกรรม
การปรับค่าแก๊สสูงจะทำให้ธุรกรรมถูกประมวลผลอย่างรวดเร็ว ส่วนการปรับค่าแก๊สต่ำจะช่วยประหยัดต้นทุนและ MetaMask จะแนะนำค่าแก๊สที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้
ฟังก์ชันการ Stake
MetaMask รองรับการ Stake ของ Ethereum ด้วย
ผู้ใช้สามารถทำการ Stake ได้ตั้งแต่เงินจำนวนน้อยโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนและใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารสินทรัพย์ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับผู้ใช้งาน
กระเป๋าคริปโตทางเลือกที่ทดแทนข้อเสียของ MetaMask
MetaMask ได้รับความนิยมทั่วโลก แต่สำหรับผู้เริ่มต้นอาจพบว่ามองว่าเป็นกระเป๋าคริปโตที่มีวิธีการใช้งานที่ซับซ้อนและมีข้อเสียบางประการโดยเฉพาะข้อเสียต่อไปนี้
ข้อจำกัดของ MetaMask
- รองรับบล็อกเชนไม่มากนัก: รองรับเฉพาะ Ethereum และบล็อกเชนที่ใช้งานร่วมกับ EVM เท่านั้น ไม่รองรับคริปโตเคอร์เรนซีหลักอื่น ๆ เช่น Bitcoin
- อินเตอร์เฟซดูใช้งานยากสำหรับผู้เริ่มต้น: ต้องการความรู้ทางเทคนิค โดยเฉพาะการตั้งค่าค่าแก๊สและการสลับเครือข่าย แม้แต่การใช้งานพื้นฐานก็อาจทำให้ผู้ใช้สับสนได้
- เป็นเป้าหมายในการโจมตี: เนื่องจากเป็นกระเป๋าคริปโตที่มีชื่อเสียง ทำให้ผู้ใช้มักตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางเครือข่ายบ่อยครั้ง
เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ปัจจุบัน Best Wallet กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก
Best Wallet กระเป๋าคริปโตทางเลือกแทน MetaMask
Best Wallet เป็นกระเป๋าคริปโตแบบ Non-custodial รุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติดังนี้
- รองรับบล็อกเชนมากกว่า 60 เครือข่าย: สามารถจัดการคริปโตเคอร์เรนซีหลักทั้ง Ethereum, Bitcoin, Polygon, BNB Chain และอื่น ๆ ได้จุดเดียว
- การออกแบบ UI/UX ที่ใช้งานง่าย: การตั้งค่าที่ซับซ้อนทั้งหมดถูกทำให้เป็นระบบอัตโนมัติ แม้แต่ผู้เริ่มต้นก็สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น มีฟังก์ชันการปรับค่าแก๊สอัตโนมัติ
- ฟีเจอร์คริปโตเคอร์เรนซีที่กำลังจะมาถึง: รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญใหม่ ๆ ที่น่าสนใจได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสร้างรายชื่อโครงการที่ต้องการติดตามได้
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยระดับสูงด้วยเทคโนโลยี MPC-CMP จาก Fireblocks ระบบยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่งจาก Web3Auth และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีหรือผู้ที่ต้องการจัดการสกุลเงินหลากหลายสกุลเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เราขอแนะนำให้ใช้ Best Wallet มากกว่า MetaMask สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่บทความรีวิว Best Wallet
วิธีเริ่มต้นและลงทะเบียน MetaMask
MetaMask สามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน สำหรับการใช้งานบนคอมพิวเตอร์นั้นจะมาในรูปแบบส่วนขยายของเบราว์เซอร์ ส่วนการใช้งานบนสมาร์ทโฟนจะมาในรูปแบบแอปพลิเคชัน ผู้ใช้ทุกคนสามารถใช้งานได้ฟรีและขั้นตอนการลงทะเบียน MetaMask มีดังนี้
วิธีเริ่มต้นการใช้งานบนคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งาน MetaMask บนคอมพิวเตอร์มีดังนี้
- เข้าสู่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ MetaMask: ก่อนอื่นไปที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ MetaMask โปรดตรวจสอบว่า URL ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง
- ติดตั้งส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์: คลิกที่ “ดาวน์โหลด” บนหน้าแรกของเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ระบบจะนำพาคุณไปยังหน้าติดตั้งส่วนขยายบนเว็บเบราว์เซอร์ จากนั้นคลิกปุ่ม “เพิ่มใน Google Chrome” หรือปุ่มอื่น ๆ ตามเว็บเบราว์เซอร์ที่ถูกเรียกใช้เพื่อติดตั้ง
- สร้างกระเป๋าคริปโตใหม่: หลังจากติดตั้งสำเร็จแล้ว เปิด MetaMask จากไอคอนส่วนขยายในเว็บเบราว์เซอร์ คลิก “เริ่มต้น” แล้วเลือก “สร้างกระเป๋าคริปโต” ยอมรับข้อตกลงในการใช้งานและตั้งค่ารหัสผ่านที่ปลอดภัย
- บันทึก Secret Recovery Phrase: ในขั้นตอนสุดท้ายของการสร้างกระเป๋าคริปโต ระบบจะแสดง Secret Recovery Phrase ที่มีความยาว 12 คำ โปรดจดบันทึกและเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเพราะจำเป็นต้องใช้ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการกู้คืน
วิธีเริ่มต้นการใช้งานบนสมาร์ทโฟน
ขั้นตอนการเริ่มต้นการใช้งาน MetaMask บนสมาร์ทโฟนมีดังนี้
- เข้าสู่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ MetaMask: เปิดเว็บเบราว์เซอร์บนสมาร์ทโฟนและเข้าไปที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ MetaMask คุณสามารถไปที่ลิงก์ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ โปรดตรวจสอบว่า URL ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: จากลิงก์ดาวน์โหลด ระบบจะนำคุณไปยัง App Store สำหรับ iOS หรือ Google Play Store สำหรับ Android ดาวน์โหลดแอป MetaMask และเมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้ทำการเปิดแอป
- สร้างกระเป๋าคริปโตใหม่: เมื่อเปิดแอปแล้วให้เลือก “สร้างกระเป๋าคริปโต” ยอมรับข้อตกลงการใช้งานและตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัย
- บันทึก Secret Recovery Phrase : ในระหว่างขั้นตอนการสร้างกระเป๋าเงิน ระบบจะแสดง Secret Recovery Phrase ที่มีความยาว 12 คำ จดบันทึกไว้ในที่ปลอดภัยและอย่าเปิดเผยให้ผู้อื่นทราบ หลังจากบันทึกแล้ว คุณจะต้องป้อนกลับเข้าไปตามลำดับอย่างถูกต้องเพื่อทำการยืนยัน
วิธีใช้งาน MetaMask
หลังจากติดตั้ง MetaMask เรียบร้อยแล้วมาลองใช้งานจริงกัน เราจะอธิบายวิธีการใช้งาน MetaMask แต่ละขั้นตอน ดังนี้
- การตรวจสอบ Secret Recovery Phrase
- การตรวจสอบ Private Key
- วิธีการฝากเงิน
- วิธีการส่งเงิน
- การซื้อคริปโตเคอร์เรนซี (เช่น Ethereum)
- การ Swap (แลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีบนเครือข่ายเดียวกัน)
- การ Bridge (ย้ายคริปโตเคอร์เรนซีระหว่างเครือข่ายที่แตกต่างกัน)
- การเปลี่ยนเครือข่าย
- การเพิ่มโทเค็น
- การนำเข้าบัญชี
- การกู้คืนบัญชี
การตรวจสอบ Secret Recovery Phrase
ขั้นตอนการตรวจสอบ Secret Recovery Phrase มีดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เปิด MetaMask ในเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนแล้วป้อนรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบ
- เข้าถึงการตั้งค่า: เลือกไอคอน (ไอคอนวงกลมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือไอคอนการตั้งค่าบนสมาร์ทโฟน) เพื่อเปิดเมนู “การตั้งค่า”
- ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว: เลือกตัวเลือก “ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว”
- ตรวจสอบ Secret Recovery Phrase: ป้อนรหัสผ่านอีกครั้งเพื่อตรวจสอบ Secret Recovery Phrase
Secret Recovery Phrase เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก หากสูญหายไปจะไม่สามารถกู้คืนกระเป๋าคริปโตได้ ดังนั้น ผู้ใช้จึงควรเก็บมันไว้แบบออฟไลน์เพื่อความปลอดภัย เมื่อต้องการตรวจสอบ Secret Recovery Phrase โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
การตรวจสอบ Private Key
ขั้นตอนการตรวจสอบ Private Key ใน MetaMask มีดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เปิด MetaMask ในเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนแล้วป้อนรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบ
- เข้าถึงการตั้งค่า: เปิดเมนู “การตั้งค่า”
- เปิดรายละเอียดบัญชี: สำหรับคอมพิวเตอร์ให้เลือก “รายละเอียดบัญชี” สำหรับสมาร์ทโฟนให้เลือก “ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว”
- ตรวจสอบ Private Key: เลือก Private Key แล้วป้อนรหัสผ่านเพื่อตรวจสอบ จากนั้นเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
เช่นเดียวกับ Secret Recovery Phrase ข้อมูล Private Key มีความสำคัญมากและผู้ใช้ควรเก็บไว้แบบออฟไลน์เพื่อความปลอดภัย
วิธีการฝากเงิน
เมื่อฝากเงินเข้า MetaMask ผู้ใช้จะต้องส่งเงินจากแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Coincheck มายัง MetaMask โดยขั้นตอนการฝากคริปโตเคอร์เรนซีเข้า MetaMask มีดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เข้าสู่ระบบผ่านส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- คัดลอกที่อยู่: คลิกหรือแตะที่ส่วนชื่อบัญชีเพื่อคัดลอกที่อยู่
- ดำเนินการส่งเงินจากแพลตฟอร์มซื้อขาย: เข้าสู่ระบบบนแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีและดำเนินการส่งเงิน คัดลอกและระบุที่อยู่ MetaMask เป็นที่อยู่ปลายทาง เลือกจำนวนเงิน และสกุลเงินที่ต้องการส่งแล้วทำการส่ง
เมื่อส่งเงินจากแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Coincheck ไปยัง MetaMask โปรดตรวจสอบที่อยู่ให้ถูกต้องก่อนส่ง หากป้อนที่อยู่ผิด ผู้ใช้จะสูญเสียสินทรัพย์และไม่สามารถกู้คืนได้ หากกังวล เราขอแนะนำให้ผู้ใช้ทดลองส่งเงินในจำนวนเล็กน้อยก่อน
วิธีการส่งเงิน
วิธีการส่งเงินโดยใช้ MetaMask มีดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เข้าสู่ระบบผ่านส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- เข้าถึงหน้าการส่ง: เลือก “ส่ง” หรือ “Send” บนหน้าแรก
- ตรวจสอบเครือข่าย: ตรวจสอบว่าเครือข่ายที่แสดงอยู่ด้านบนของหน้าจอเป็นเครือข่ายที่คุณต้องการใช้งาน (เช่น เครือข่าย Ethereum)
- ป้อนที่อยู่กระเป๋าคริปโตปลายทาง: ป้อนที่อยู่กระเป๋าคริปโตที่ต้องการส่งเงินไป เราขอแนะนำให้คัดลอกและวางที่อยู่เพื่อป้องกันการป้อนผิดพลาด
- ป้อนจำนวนเงินที่ต้องการส่ง: เลือกสกุลเงินและป้อนจำนวนเงินที่ต้องการส่ง
- ตรวจสอบค่าแก๊ส: ตรวจสอบค่าแก๊ส (ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม) และปรับตามความจำเป็น
- ดำเนินการส่ง: ตรวจสอบรายละเอียดการส่งครั้งสุดท้าย หากข้อมูลถูกต้อง ให้เลือก “ยืนยัน” หรือ “ส่ง” เพื่อดำเนินการส่งเงิน
เมื่อส่งเงินจาก MetaMask ควรตรวจสอบที่อยู่ปลายทางอย่างละเอียด หากป้อนข้อมูลผิดจะทำให้สูญเสียสินทรัพย์และไม่สามารถกู้คืนได้ หากมีการนำคริปโตเคอร์เรนซีเข้าสู่ MetaMask แล้ว คุณจะสามารถส่งเหรียญ เช่น USDT ได้เช่นกัน
การซื้อคริปโตเคอร์เรนซี (เช่น Ethereum)
ใน MetaMask คุณสามารถซื้อคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Ethereum ได้โดยตรง แม้ว่าจะมีวิธีการโอนเงินจากตลาดซื้อขายเข้าสู่ MetaMask แต่หากคุณต้องการประหยัดเวลา คุณอาจพิจารณาการซื้อภายใน MetaMask โดยมีขั้นตอนดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เข้าสู่ระบบผ่านส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- เข้าถึงหน้าซื้อ: เลือก “ซื้อ” หรือ “Buy” บนหน้าหลัก
- เลือกวิธีการชำระเงิน: เลือกจากตัวเลือกการชำระเงินที่มีให้ (เช่น บัตรเครดิตหรือบริการของบุคคลที่สาม เช่น ApplePay)
- เลือกสกุลเงินและป้อนจำนวนที่ต้องการซื้อ: เลือกคริปโตเคอร์เรนซีที่ต้องการซื้อ (เช่น Ethereum) และป้อนจำนวนเหรียญ
- ยืนยันและดำเนินการซื้อ: ตรวจสอบข้อมูลการซื้อ และหากข้อมูลถูกต้อง ให้ดำเนินการซื้อเพื่อทำธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์
การซื้อภายใน MetaMask อาจมีบริการที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค และการใช้บริการของบุคคลที่สามอาจมีค่าธรรมเนียม ผู้ใช้ควรตรวจสอบก่อนดำเนินการ
Swap (แลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีบนเครือข่ายเดียวกัน)
Swap เป็นฟังก์ชันที่ใช้แลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีหนึ่งเป็นเหรียญอีกสกุลหนึ่ง ด้วยฟังก์ชัน Swap ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนเหรียญได้อย่างง่ายดายภายใน MetaMask โดยขั้นตอนการทำ Swap มีดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เข้าสู่ระบบผ่านส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- เข้าถึงหน้า Swap: เลือก “Swap” บนหน้าแรก
- เลือกเหรียญ: เลือกเหรียญต้นทางในช่อง “จาก” และเหรียญปลายทางในช่อง “สู่”
- ป้อนจำนวนเหรียญที่ต้องการแลกเปลี่ยน: ป้อนจำนวนเหรียญที่ต้องการแลกเปลี่ยนและอัตราแลกเปลี่ยนจะแสดงโดยอัตโนมัติ
- ตรวจสอบการแลกเปลี่ยน: ตรวจสอบอัตราการแลกเปลี่ยนและค่าแก๊ส (ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม) ที่แสดง
- ดำเนินการแลกเปลี่ยน: ตรวจสอบข้อมูลและหากข้อมูลถูกต้องให้คลิกปุ่ม “Swap” เพื่อดำเนินการทำธุรกรรม
ก่อนทำการ Swap ควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายการทำธุรกรรมซึ่งรวมถึงค่าแก๊ส หากมีการทำธุรกรรมในปริมาณมาก ผู้ใช้ควรระวังเรื่องความคลาดเคลื่อนของราคา (ความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดการณ์กับราคาจริง) สำหรับผู้ที่ใช้ Swap เป็นครั้งแรก เราขอแนะนำให้ทดลองทำด้วยจำนวนเงินเล็กน้อยก่อน
อย่างไรก็ตาม ใน MetaMask ไม่สามารถแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินบาทไทยหรือ Fiat ได้ หากต้องการแลกเป็นเงินบาทไทย ให้โอนเงินจาก MetaMask ไปยังตลาดซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Coincheck เพื่อแลกเป็น Fiat
Bridge (เคลื่อนย้ายคริปโตเคอร์เรนซีระหว่างเครือข่ายที่แตกต่างกัน)
Bridge เป็นการเคลื่อนย้ายคริปโตเคอร์เรนซีจากบล็อกเชนหนึ่งไปอีกเครือข่ายหนึ่ง โดยขั้นตอนการใช้ฟังก์ชัน Bridge ของ MetaMask มีดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เข้าสู่ระบบผ่านส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- เข้าถึงหน้า Bridge: เลือก “Bridge” บนหน้าแรก
- เลือกเครือข่าย: เลือกเครือข่ายต้นทางในช่อง “จากเครือข่ายนี้” และเครือข่ายปลายทางในช่อง “สู่เครือข่ายนี้”
- ป้อนจำนวนที่ต้องการแลกเปลี่ยน: ป้อนจำนวนเหรียญที่ต้องการแลกเปลี่ยน
- ตรวจสอบการ Bridge: ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนและค่าแก๊ส (ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม) ที่แสดง
- ดำเนินการ Bridge: ตรวจสอบข้อมูลและหากข้อมูลถูกต้อง ให้คลิกปุ่ม “Bridge” เพื่อดำเนินการทำธุรกรรม
การทำการ Bridge อาจมีการกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการส่งและค่าแก๊ส ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง
การเปลี่ยนเครือข่าย
ใน MetaMask คุณสามารถเปลี่ยนเครือข่ายที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย ในบางกรณี เช่น การซื้อเหรียญ ICO อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนเครือข่ายและขั้นตอนมีดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เข้าสู่ระบบผ่านส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- เปิดเมนูเลือกเครือข่าย: เลือกเครือข่ายที่ด้านบนของหน้าจอหลักของ MetaMask (โดยปกติจะเป็น “Ethereum Mainnet”)
- เลือกเครือข่าย: เลือกเครือข่ายที่ต้องการใช้งาน
หากเครือข่ายที่ต้องการใช้งานไม่อยู่ในรายการ ผู้ใช้สามารถเพิ่มได้จากตัวเลือก “เพิ่มเครือข่าย” เมื่อเปลี่ยนเครือข่าย ผู้ใช้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือกเครือข่ายที่ถูกต้อง
การเพิ่มคริปโตเคอร์เรนซี
ใน MetaMask คุณสามารถเพิ่มคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อแสดงและจัดการเหรียญเฉพาะได้ ในบางกรณี เช่น การจัดการกับเหรียญคริปโตมาใหม่อาจจำเป็นต้องมีการเพิ่มเหรียญโดยมีขั้นตอนดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เข้าสู่ระบบผ่านส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- เข้าถึงหน้าเพิ่มเหรียญ: เลือก “นำเข้าเหรียญ” หรือ “เพิ่มเหรียญ”
- ค้นหาเหรียญ: เลือกแท็บ “ค้นหา” และป้อนชื่อของเหรียญที่ต้องการเพิ่ม
- เลือกเหรียญ: เลือกเหรียญที่ต้องการจากผลการค้นหาและเลือก “ถัดไป”
- ยืนยันการเพิ่มเหรียญ: เลือก “นำเข้าเหรียญ” หรือ “เพิ่มเหรียญ” เพื่อยืนยัน
ก่อนเพิ่มเหรียญ ผู้ใช้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือกเครือข่ายอย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ หากเหรียญที่ได้รับจาก Airdrop ไม่ปรากฏ คุณอาจต้องเพิ่มเหรียญด้วยตนเอง เมื่อเพิ่มเหรียญ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับ Contract Address จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
การนำเข้าบัญชี
คุณสามารถนำเข้า (หรือโอนย้าย) บัญชีเฉพาะหรือบัญชีจากกระเป๋าคริปโตภายนอกมายัง MetaMask ได้โดยใช้ Private Key เพื่อเพิ่มบัญชีใน MetaMask โดยมีขั้นตอนดังนี้
- เข้าสู่ระบบ MetaMask: เข้าสู่ระบบผ่านส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์หรือบนแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- เลือกนำเข้าบัญชี: เลือก “นำเข้าบัญชี” จากเมนู
- ป้อน Private Key: ป้อน Private Key ของบัญชีที่ต้องการนำเข้า
- เสร็จสิ้นการนำเข้า: หลังจากป้อน Private Key แล้วให้เลือก “นำเข้า” เพื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ
Private Key เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก ดังนั้น ผู้ใช้ต้องจัดการด้วยความระมัดระวังอย่างมาก โปรดทราบว่าบัญชีที่นำเข้าจะไม่ถูกกู้คืนโดยอัตโนมัติเมื่อคุณติดตั้ง MetaMask ใหม่
การกู้คืนบัญชี
ขั้นตอนในการกู้คืนบัญชี MetaMask มีดังนี้
- ติดตั้ง MetaMask: ติดตั้ง MetaMask ใหม่หรือติดตั้งอีกครั้ง
- นำเข้ากระเป๋า: เลือก “นำเข้ากระเป๋าคริปโต”
- ตั้งค่ารหัสผ่าน: ป้อน Secret Recovery Phrase และตั้งรหัสผ่านใหม่
- ดำเนินการกู้คืน: เมื่อการกู้คืนเสร็จสมบูรณ์ บัญชีเดิมของคุณจะปรากฏขึ้น
บัญชีที่นำเข้า (บัญชีที่เพิ่มด้วย Private Key) จะไม่ถูกกู้คืนโดยอัตโนมัติ ดังนั้น คุณจำเป็นต้องนำเข้ากลับใน MetaMask อีกครั้งโดยใช้ Private Key โปรดทราบว่าหากคุณทำ Secret Recovery Phrase สูญหาย คุณจะไม่สามารถกู้คืนบัญชีได้
ข้อควรระวังเมื่อใช้ MetaMask
MetaMask เป็นเครื่องมือที่สะดวกมากสำหรับผู้ใช้คริปโตเคอร์เรนซี แต่หากผู้ใช้ใช้งานไม่ถูกวิธีอาจนำไปสู่การสูญเสียได้ ต่อไปนี้คือข้อควรระวังเมื่อใช้ MetaMask
- การจัดการ Private Key และ Secret Recovery Phrase
- การระวังการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ Smart Contract
การจัดการ Private Key และ Secret Recovery Phrase
ควรจัดการ Private Key และ Secret Recovery Phrase สำหรับการเข้าถึงกระเป๋าคริปโต MetaMask อย่างเข้มงวด หากสูญหายหรือถูกขโมย คุณจะสูญเสียการเข้าถึงสินทรัพย์ในกระเป๋า
เก็บไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ควรแบ่งปันกับผู้อื่น และควรเก็บไว้แบบออฟไลน์ เช่น เขียนลงบนกระดาษและเก็บไว้ในตู้เซฟหรือกระจายการเก็บไว้ในหลาย ๆ ที่
ระวังการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง
การระวังการหลอกลวงก็สำคัญเช่นกัน บุคคลที่สามที่มีเจตนาร้ายด้วยการสร้างเว็บไซต์ปลอมหรือหน้าเว็บไซต์ IEO ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือ Private Key ของผู้ใช้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สิ่งสำคัญคือผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ทางการเท่านั้นและตรวจสอบว่า URL หรือเว็บไซต์ถูกต้อง
การสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี แม้ว่าจะมีเหรียญที่มีโอกาสเติบโต 1,000 เท่าที่น่าสนใจมากมาย แต่เมื่อตลาดคึกคัก การหลอกลวงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ผู้ใช้จึงควรระมัดระวังเสมอ บางครั้งมีการกล่าวว่า “ไม่ควรลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี” เนื่องจากมีความเสี่ยงจากการหลอกลวง สิ่งสำคัญคือผู้ใช้ควรตระหนักถึงความปลอดภัยอยู่เสมอ
ข้อควรระวังเมื่อใช้ Smart Contract
เมื่อใช้ dApps ต่าง ๆ ผ่าน MetaMask สิ่งสำคัญคือผู้ใช้ต้องเข้าใจในรายละเอียดอย่างถ่องแท้ก่อนจะทำการอนุมัติ หากอนุมัติ Smart Contract ที่มีเจตนาร้าย สินทรัพย์ในกระเป๋าคริปโตของคุณอาจตกอยู่ในความเสี่ยงได้
ควรตรวจสอบเนื้อหาของธุรกรรมและความน่าเชื่อถือของ dApps ที่คุณกำลังจะเชื่อมต่อเสมอ หากมีข้อสงสัย คุณไม่ควรทำธุรกรรมต่อไป เมื่อเข้าร่วมโครงการใหม่ เช่น IDO คุณก็ควรต้องตรวจสอบด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก
สรุป
เราได้อธิบายเกี่ยวกับ MetaMask แล้ว ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกำลังคึกคักหลังจากปรากฏการณ์ Bitcoin Halving MetaMask เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการใช้คริปโตเคอร์เรนซีหรือแม้แต่ผู้เริ่มต้นก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ลองใช้งานดูได้เลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ MetaMask การจัดการ Private Key และ Secret Recovery Phrase รวมถึงการระมัดระวังเรื่องการหลอกลวงก็เป็นสิ่งสำคัญ ความปลอดภัยของ MetaMask ได้รับการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ แต่ความรับผิดชอบสุดท้ายอยู่ที่ผู้ใช้ ดังนั้น ควรใช้งานอย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย