Trump ประกาศ Strategic Reserve ส่งราคา BTC, ETH, XRP, SOL, ADA พุ่ง!

Trump ประกาศ Strategic Reserve ส่งราคา BTC, ETH, XRP, SOL, ADA พุ่ง!

ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ประกาศแผนการจัดตั้ง U.S. Crypto Strategic Reserve ซึ่งจะรวม Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), XRP, Solana (SOL) และ Cardano (ADA) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมคริปโตและผลักดันให้สหรัฐฯ กลายเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก

เรื่องดังกล่าวถูกประกาศผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ในวันที่ 2 มีนาคม 2025 ส่งผลให้ราคาของสกุลเงินคริปโตที่ถูกระบุชื่อมีราคาพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมากในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

การประกาศนโยบาย Strategic Reserve และผลกระทบต่อตลาด

ประธานาธิบดี Trump ได้เปิดเผยแผนการจัดตั้งคลังสำรองเชิงกลยุทธ์ โดยระบุว่า “คลัง Crypto Reserve ของสหรัฐฯ จะยกระดับอุตสาหกรรมสำคัญนี้หลังจากที่ถูกโจมตีอโดยรัฐบาล Biden แบบเสียๆ หายๆ มานานหลายปี ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผมได้ออกคำสั่งบริหารด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อสั่งการให้ Presidential Working Group ดำเนินการจัดตั้ง Crypto Strategic Reserve ที่รวมถึง XRP, SOL และ ADA”

ในโพสต์ถัดมา Trump ยังได้ยืนยันว่า “แน่นอนว่า BTC และ ETH รวมทั้ง สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ที่มีคุณค่า จะเป็นหัวใจของคลังสำรองนี้ด้วยเช่นกัน ผมรัก Bitcoin และ Ethereum!” การประกาศนี้เป็นการตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญาของเขาในการทำให้สหรัฐฯ กลายเป็น “Crypto Capital of the World” หรือ “เมืองหลวงแห่งคริปโตเคอร์เรนซี่ของโลก”

 

การประกาศ U.S. Crypto Reserve ของ Trump บน Truth Social
การประกาศ U.S. Crypto Reserve ของ Trump บน Truth Social

ผลกระทบจากประกาศครั้งนี้เห็นได้อย่างชัดเจนในตลาดคริปโต โดยราคาของ XRP พุ่งขึ้นเกือบ 30% ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงหลังจากประกาศ มาอยู่ที่ราคา 2.88 ดอลลาร์ Solana (SOL) ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% ในช่วงเวลาเดียวกัน ทะลุระดับ 170 ดอลลาร์ ขณะที่ Cardano (ADA) กลายเป็นสกุลเงินคริปโตที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 52% พุ่งไปแตะระดับใกล้ 1 ดอลลาร์ โดยซื้อขายอยู่ที่ 0.98 ดอลลาร์

แน่นอนว่า หลังจากที่ Trump ได้ยืนยันเรื่องการรวม Bitcoin และ Ethereum ไว้ใน Strategic Reserve ด้วย ก็ส่งให้เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาวทั้ง 2 ตัวนี้มีราคาเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดย Bitcoin (BTC) มีราคาพุ่งขึ้นจากระดับที่ราวๆ 85,000 ขึ้นมาซื้อขายอยู่ที่ราวๆ 94,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 11%

Ethereum (ETH) เองก็ไม่น้อยหน้ากัน โดยพุ่งขึ้นจากราคาซื้อขายที่ราวๆ 2,200 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ราวๆ 2,450 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 12%

 

กราฟราคาคริปโตที่พุ่งขึ้นเกือบทั้งกระดานหลัง Trump ประกาศสร้าง Strategic Reserve ที่มา CoinGecko
กราฟราคาคริปโตที่พุ่งขึ้นเกือบทั้งกระดานหลัง Trump ประกาศสร้าง Strategic Reserve ที่มา CoinGecko

ความแตกต่างระหว่าง “Stockpile” และ “Reserve” กับการเปลี่ยนแปลงนโยบาย

คำศัพท์ที่ Trump ใช้มีความน่าสนใจและแสดงถึงพัฒนาการของนโยบาย ในคำสั่งบริหารที่ลงนามเมื่อเดือนมกราคม เขาใช้คำว่า “national digital asset stockpile” แต่ในโพสต์ล่าสุดเปลี่ยนมาใช้คำว่า “Crypto Strategic Reserve” ซึ่งมีความหมายแตกต่างกันอย่างมาก

Rebecca Rettig ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Jito Labs อธิบายว่า “คลัง (stockpile) หมายความว่ารัฐบาลจะเก็บรักษา Crypto ที่ได้สะสมจากคดีต่างๆ ในขณะที่คลังสำรอง (reserve) จะเป็นสิ่งที่กระทรวงการคลังตัดสินใจซื้อและถือครอง” การเปลี่ยนจาก “stockpile” เป็น “reserve” อาจจะบ่งบอกถึงแนวทางที่กว้างขวางและเชิงรุกมากขึ้นต่อการสะสม Crypto ของรัฐบาลสหรัฐฯ

จุดยืนของประธานาธิบดี Trump เกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากเดิมที่เคยมีท่าทีสงสัย ปัจจุบันเขาได้แสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่และพยายามนำพาสหรัฐฯ เข้าสู่ยุคใหม่ของนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดจากคำปราศรัยที่งาน Bitcoin 2024 ที่เขาสัญญาว่าจะจัดตั้ง “Strategic National Bitcoin Stockpile”

นอกจากการสนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซี่แล้ว คำสั่งบริหารของ Trump ยังมีจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ในสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่กระจายอำนาจมากกว่าระบบที่ควบคุมโดยรัฐบาลกลาง

White House Crypto Summit และอนาคตของนโยบาย

ตามที่ David Sacks ผู้ดำรงตำแหน่ง White House AI & Crypto Czar ได้เปิดเผย Trump มีกำหนดจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม White House Crypto Summit ครั้งแรกในวันที่ 7 มีนาคม 2025 โดยมีเป้าหมายเพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตของนโยบายการกำกับดูแลคริปโตในสหรัฐฯ ร่วมกับผู้บริหารในอุตสาหกรรมและคณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัล

Sacks ได้โพสต์บน X (อดีต Twitter) ว่า “ประธานาธิบดี Trump ได้ประกาศจัดตั้ง Crypto Strategic Reserve ที่ประกอบด้วย Bitcoin และ Cryptocurrency ชั้นนำอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับคำสั่งบริหาร 14178 ในสัปดาห์แรกของเขา” และเสริมว่า “จะมีข้อมูลเพิ่มเติมในการประชุม Summit” การประชุมนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการหารือและกำหนดทิศทางของนโยบาย crypto ของสหรัฐฯ ในอนาคต

การประชุมนี้จะมี Bo Hines ผู้อำนวยการบริหารและ David Sacks ประธานการประชุม โดยจะมีผู้ก่อตั้ง, CEO และนักลงทุนที่มีชื่อเสียงจากอุตสาหกรรมคริปโตเข้าร่วมด้วย การประชุมดังกล่าวถือเป็นโอกาสสำคัญในการหารือและกำหนดทิศทางของนโยบายคริปโตของสหรัฐฯ ในอนาคต

BTC Bull Token: ทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเติบโตไปกับตลาด Bitcoin

ในช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังคึกคักจากนโยบายของ Trump นักลงทุนกำลังมองหาโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของ Bitcoin และตลาดโดยรวม BTC Bull Token ($BTCBULL) เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนที่เพิ่งเปิดตัว โดยกำลังอยู่ในช่วงพรีเซลที่ราคา 0.00239 ดอลลาร์ต่อเหรียญ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติบโตไปพร้อมกับ Bitcoin

BTC Bull Token: ทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเติบโตไปกับตลาด Bitcoin

นักลงทุนที่เข้าร่วมในช่วงแรกสามารถนำเหรียญไป Staking เพื่อรับผลตอบแทนสูงถึง 138% ต่อปี (อัตราผลตอบแทนจะปรับลดลงตามจำนวนผู้เข้าร่วมการ Staking ที่เพิ่มขึ้น) นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้รับแอร์ดรอปเมื่อ Bitcoin ทำราคาแตะระดับสำคัญต่างๆ เช่น 150,000 ดอลลาร์ หรือ 200,000 ดอลลาร์

ในด้านกลไกการทำงาน BTC Bull ได้ออกแบบระบบให้เชื่อมโยงกับการเติบโตของราคา Bitcoin โดยตรง โดยมีการกำหนดให้เผาเหรียญอัตโนมัติทุกครั้งที่ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้น 25,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยลดปริมาณเหรียญในระบบและสนับสนุนการเติบโตของราคาในระยะยาว ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BTC Bull Token ได้จากเอกสารไวท์เปเปอร์ของโครงการ

ไปที่เว็บไซต์ BTC Bull

By Panya Viriyathanabodi

นักเขียนและนักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีและคริปโตเคอเรนซีที่มีประสบการณ์กว่า 8 ปีจากเว็บไซต์ข่าวสารและบทวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีและคริปโตเคอเรนซีชั้นนำหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับ Blockchain, DeFi และนวัตกรรมทางการเงิน เขามีความเชี่ยวชาญในการอธิบายเรื่องราวที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่าย ช่วยให้ผู้อ่านเรียนรู้และสนุกสนานไปกับเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์