Strategic Reserve คืออะไร? – รู้จักการสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์

ทำไมถึงเราจึงน่าเชื่อถือ?
ทำไมถึงเราจึงน่าเชื่อถือ?
Strategic Reserve คืออะไร?

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิดของ Strategic Reserve หรือ การสำรองคริปโตเชิงกลยุทธ์ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากจากทั้งรัฐบาล บริษัทเอกชน และผู้กำหนดนโยบายทั่วโลก ซึ่งการถือครอง Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์นั้นถูกมองว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิม เช่น ทองคำและเงินตราต่างประเทศ

ภาพรวมของการสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์และการยอมรับในปัจจุบัน

ประเทศและรัฐบาลที่ถือครอง Bitcoin: ใครคือผู้เล่นหลักระดับโลก?

การสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ของประเทศต่าง ๆ กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลเริ่มมองว่า BTC เป็นสินทรัพย์สำรองที่มีศักยภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากการลดค่าเงินและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

หลายประเทศและหลายรัฐในอเมริกา ได้เริ่มสำรวจและผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve แล้ว ตัวอย่างเช่น รัฐแรกที่ผ่านร่างกฎหมายได้แก่ รัฐ New Hampshire ตามมาด้วย Arizona และ Texas ตามลำดับ

VanEck รายงานว่า หากกฎหมายใน 20 รัฐของสหรัฐฯ ผ่านการอนุมัติ อาจมีการลงทุนในบิทคอยน์สูงถึง 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 247,000 BTC

สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีประมาณ 213,297 BTC ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การปิดตลาดมืด Silk Road เป็นต้น โดย CoinGecko ระบุว่ามูลค่าของ Bitcoin ที่รัฐบาลสหรัฐถือครองอยู่ที่ประมาณ 1.96 หมื่นล้านดอลลาร์

ตัวอย่างประเทศอื่นที่ถือครองบิทคอยน์:

  • จีน: แม้ว่าจีนจะมีนโยบายที่เข้มงวดต่ออุตสาหกรรมคริปโต เช่น การแบนการขุดและการซื้อขาย Bitcoin แต่รัฐบาลจีนยังถือครอง Bitcoin จำนวน 194,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 18,683,647,240 ดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย
  • เอลซัลวาดอร์: ประเทศแรกที่ประกาศให้ Bitcoin เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในปี 2021 ปัจจุบันเอลซัลวาดอร์ถือครอง Bitcoin จำนวน 6,002 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 578,037,374 ดอลลาร์ และยังคงดำเนินนโยบายซื้อ Bitcoin วันละ 1 เหรียญตั้งแต่ปี 2022 ข้อมูลจาก QZ
  • ยูเครน: ยูเครนใช้ Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนกองทุนเพื่อการป้องกันประเทศในช่วงสงครามกับรัสเซีย โดยถือครอง Bitcoin จำนวน 46,351 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,463,947,078 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่น เช่น สหราชอาณาจักร (61,000 BTC), ภูฏาน (13,029 BTC) และฟินแลนด์ (1,981 BTC) ที่ถือครอง Bitcoin ในระดับที่น้อยกว่า แต่ยังคงสะท้อนถึงความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้

บริษัทเอกชนและกองทุน ETF: การถือครอง Bitcoin ในภาคธุรกิจ

นอกจากรัฐบาลแล้ว บริษัทเอกชนและกองทุน ETF ก็เป็นอีกผู้เล่นสำคัญที่ถือครอง Bitcoin ในปริมาณมาก โดยเฉพาะบริษัทที่มองว่า BTC เป็นสินทรัพย์สำรองที่มีศักยภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

บริษัทเอกชนที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด:

  • Strategy (ชื่อเดิม MicroStrategy): บริษัทซอฟต์แวร์ที่มีชื่อเสียงในด้านการลงทุนใน Bitcoin โดยถือครอง Bitcoin เป็น strategic reserve จำนวน 576,230 BTC แล้ว และมีแนวโน้มจะซื้อเพิ่มเรื่อยๆ (Bitcoinist)
  • Tesla: บริษัทของ Elon Musk ถือครอง Bitcoin จำนวน 11,509 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,108,402,557 ดอลลาร์ แม้ว่า Tesla จะขายเหรียญไปบางส่วนในช่วงปี 2022 แต่ยังคงถือครองในระดับมหาศาล
  • Marathon Digital Holdings: บริษัทเหมืองบิทคอยน์ในสหรัฐฯ ถือครอง Bitcoin จำนวน 40,435 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,894,192,145 ดอลลาร์
  • Block.one: บริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน ถือครองอยู่จำนวน 140,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 13,483,044,400 ดอลลาร์

กองทุน ETF ที่ถือครอง Bitcoin:

  • iShares Bitcoin Trust (BlackRock): กองทุน ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือครอง Bitcoin จำนวน 587,777.9 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 56,607,396,593 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.799% ของจำนวน Bitcoin ทั้งหมด
  • Grayscale Bitcoin Trust (GBTC): กองทุนที่มีชื่อเสียงในตลาดคริปโต ถือครอง Bitcoin จำนวน 199,602.7 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 19,223,229,046 ดอลลาร์ 

สรุปได้ว่าการถือครอง Bitcoin ของบริษัทเอกชนและกองทุน ETF ไม่เพียงแต่แสดงถึงความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ แต่ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์สำรองที่สำคัญด้วย

เปรียบเทียบระหว่าง Bitcoin และสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิม

Bitcoin มักถูกเปรียบเทียบกับทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven Asset) และยังมีการเปรียบเทียบกับทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในแง่ของบทบาทในการสนับสนุนเศรษฐกิจ

BTC ในฐานะ Strategic Reserve มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิม เช่น ทองคำและเงินตราต่างประเทศ โดยบิทคอยน์มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งหมายความว่ามันมี supply ที่จำกัด มีความขาดแคลนและความเป็น “เงินที่แข็งแกร่ง” (Hard Money) 

ในขณะที่ทองคำและเงินตราต่างประเทศต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการเพิ่มปริมาณ supply ในตลาด

ทั้งนี้ ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

World Gold Council ระบุว่าปริมาณทองคำสำรองทั่วโลกมีประมาณ 35,938.6 ตัน โดยสหรัฐฯ ถือครองทองคำสำรองมากที่สุดอยู่ที่ 8,133.5 ตัน

ความแตกต่าง บิทคอยน์ vs ทองคำ

Bitcoin vs Gold ในฐานะ Strategic Reserve

  • ความหายาก: Bitcoin มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ในขณะที่ทองคำยังคงสามารถขุดเพิ่มได้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดทางกายภาพในแง่ของการสำรวจและการขุดอยู่บ้าง
  • การโอนย้าย: Bitcoin สามารถโอนย้ายได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำผ่านเครือข่ายบล็อกเชน ในขณะที่ทองคำต้องอาศัยการขนส่งทางกายภาพ
  • การตรวจสอบความถูกต้อง: Bitcoin สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ทันทีผ่านเครือข่าย ในขณะที่ทองคำต้องอาศัยการตรวจสอบทางกายภาพ
  • ความผันผวน: Bitcoin มีความผันผวนสูงกว่าทองคำอย่างมาก โดยมีค่า Value-at-Risk (VaR) สูงกว่าทองคำถึง 5 เท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา (World Gold Council)
  • การใช้งานในระบบการเงิน: ทองคำได้รับการยอมรับในฐานะสินทรัพย์สำรองจากธนาคารกลางทั่วโลก ในขณะที่ Bitcoin ยังไม่ได้รับการยอมรับในระดับเดียวกัน
คุณสมบัติ Bitcoin ทองคำ
ปริมาณสำรอง 198,100 BTC (รัฐบาลสหรัฐ) 147 ล้านออนซ์ (ใน Fort Knox ของสหรัฐ)
ความผันผวน (VaR) สูงกว่าทองคำ 5 เท่า ต่ำกว่า Bitcoin
ได้รับการยอมรับในระบบการเงิน ยังจำกัด สูง (ธนาคารกลางทั่วโลก)

ในขณะเดียวกัน ถ้าเปรียบเทียบบิทคอยน์กับเงินตราต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร Bitcoin นับว่ามีข้อได้เปรียบในด้านความเป็นกลางและการกระจายศูนย์ (Decentralization) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการควบคุมของรัฐบาลหรือธนาคารกลาง

ความแตกต่าง บิทคอยน์ vs ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ

  • ความเป็นอิสระจากรัฐบาล: Bitcoin ไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลางใด ๆ ซึ่งแตกต่างจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ขึ้นอยู่กับความมั่นคงของประเทศที่ออกสกุลเงิน
  • ความโปร่งใส: การถือครอง Bitcoin สามารถตรวจสอบได้ผ่านบล็อกเชน ซึ่งต่างจากทุนสำรองเงินตราที่อาจขาดความโปร่งใส เช่น กรณีของ Fort Knox ที่ไม่มีการตรวจสอบทองคำสำรองมาตั้งแต่ปี 1974
  • การกระจายความเสี่ยง: Bitcoin สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาสกุลเงินเดียว เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก
  • ความผันผวน: แม้ว่า Bitcoin จะมีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะสั้น แต่ก็มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าในระยะยาว ในขณะที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมักมีความเสถียรแต่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ
คุณสมบัติ Bitcoin เงินตราต่างประเทศ
ความโปร่งใส สูง (ตรวจสอบผ่านบล็อกเชน) ต่ำ (ขึ้นอยู่กับรายงานของธนาคารกลาง)
ความผันผวน สูง ต่ำ
การยอมรับในระดับสากล ยังจำกัด สูง
มูลค่าตลาดรวม (2025) ไม่แน่นอน หลายล้านล้านดอลลาร์

ในภาพรวมแล้ว การจัดตั้ง Strategic Reserve อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการเงินโลก โดยเฉพาะในยุคที่สินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและการกระจายพอร์ตการลงทุนของทั้งประเทศและองค์กรต่างๆ

ความท้าทาย & ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก Strategic Reserve

หลายประเทศถือ USD น้อยลง แล้วหันมาหา BTC มากขึ้น

การสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ (Strategic Bitcoin Reserve) อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในยุคที่ความเชื่อมั่นในสกุลเงินสำรองแบบดั้งเดิม เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หรือยูโร กำลังลดลงจากการใช้จ่ายงบประมาณที่เกินตัวและนโยบายทางการเงินที่ไม่ยั่งยืนของประเทศผู้ออกสกุลเงินเหล่านั้

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Bitcoin ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิมด้วยนโยบายการเงินที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (Immutable Monetary Policy) และจำนวนที่ถูกกำหนดอย่างตายตัวที่ 21 ล้านเหรียญ

นอกจากนี้ยังไม่มีการควบคุมโดยรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง ซึ่งทำให้มันกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีความเป็นกลางและสามารถใช้งานได้ในระดับสากล แถมยังมีการพัฒนาระบบ Layer-2 อย่าง Lightning Network ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ Bitcoin ในการรองรับธุรกรรมจำนวนมาก โดยทำให้การใช้งานในระดับสากลมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น

แต่ก็มาพร้อมผลกระทบและความท้าทายบางประการ เช่น: 

การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทุนสำรองระหว่างประเทศ 

Strategic Reserve อาจลดสัดส่วนการถือครองสกุลเงินหลัก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เยน และปอนด์อังกฤษ ในทุนสำรองระหว่างประเทศ

รายงานจาก VanEck คาดการณ์ว่า Bitcoin อาจเพิ่มสัดส่วนในทุนสำรองระหว่างประเทศเป็น 2.5% ภายในปี 2050

ความผันผวนของราคา 

แนวโน้มราคา Bitcoin มีความผันผวนสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของทุนสำรอง

การยอมรับในระดับโลก 

แม้ Bitcoin จะได้รับการยอมรับในวงกว้าง แต่ยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบและการใช้งานในบางประเทศ

การใช้งานยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ซับซ้อน

แม้สินทรัพย์อย่างทองคำต้องอาศัยการสำรวจและการขุดอย่างจริงจัง ในขณะที่บิทคอยน์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นหลัก แต่การใช้งานบิทคอยน์ก็ยังต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีที่ซับซ้อน แถมการขุด Bitcoin ก็ยังต้องใช้ไฟฟ้ามหาศาล

การแข่งขันระหว่างประเทศ

การที่ประเทศต่าง เช่น สหรัฐฯ และจีน ถือครอง Bitcoin ในปริมาณมาก อาจนำไปสู่การแข่งขันสะสม Bitcoin ระหว่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงในอำนาจทางเศรษฐกิจ กล่าวคือ ประเทศที่มีการสะสม Bitcoin มากอาจมีอำนาจต่อรองในเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ

สหรัฐฯ ได้รับรายได้หลายล้านดอลลาร์จากการขาย Bitcoin ที่ยึดได้จากกิจกรรมผิดกฎหมาย ในขณะที่การสำรอง Bitcoin อาจกระตุ้นการลงทุนในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเช่น การขุด Bitcoin และโครงสร้างพื้นฐาน Blockchain

ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย 

การโจมตีทางไซเบอร์อาจเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยต่อการจัดเก็บ BTC ของรัฐบาลได้

บทสรุป

Strategic Reserve ซึ่งมักเป็นเหรียญคริปโตอันดับ 1 อย่าง Bitcoin กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในระดับประเทศและองค์กร โดยประเทศที่ถือครองบิทคอยน์มากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา รองลงมาคือ จีน และ เอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ประกาศให้ Bitcoin เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

ในภาคองค์กร Strategy เป็นบริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด โดยมองว่า BTC เป็นสินทรัพย์สำรองที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

เมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิม เช่น ทองคำและทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ Bitcoin มีข้อได้เปรียบในด้านความโปร่งใส ความสามารถในการโอนย้าย และการกระจายความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม Bitcoin ก็ยังมีข้อจำกัดในด้านความผันผวนสูงและการยอมรับในระดับสากลอยู่

แม้ว่าจะยังไม่สามารถแทนที่สินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิมได้ในทันที แต่การสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ก็อาจกลายเป็นส่วนสำคัญของระบบการเงินในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมีบทบาทสำคัญ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

Strategic Bitcoin Reserve คืออะไร?

เหตุผลที่ควรถือ Bitcoin เป็นเงินสำรองคืออะไร?

องค์กรไหนใช้ Bitcoin เป็น Strategic Reserve แล้วบ้าง?

By Kunlatida Piyasuk

นักเขียนและนักวิเคราะห์ในวงการคริปโตและบล็อกเชนที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปีในการติดตามและวิเคราะห์พัฒนาการของเทคโนโลยีดิจิทัลและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล และการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตลาดคริปโตในเชิงกลยุทธ์ มีทักษะเฉพาะในการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณในการคาดการณ์ทิศทางตลาดคริปโต ได้รับการยอมรับจากผู้อ่านและผู้เชี่ยวชาญในวงการคริปโตที่เคารพในความโปร่งใสและวิธีการนำเสนอข้อมูลที่เป็นกลางและมีความแม่นยำ มักจะเขียนบทความที่เจาะลึกเกี่ยวกับการพัฒนาของเทคโนโลยีบล็อกเชน แนวโน้มการลงทุนในคริปโต และการนำเสนอวิธีการจัดการพอร์ตการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว