ตลาดคริปโตเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักในช่วงต้นสัปดาห์ โดยเฉพาะ ราคา Solana ที่ปรับตัวลงแรงกว่าตลาดโดยรวม ด้วยการร่วงลง 6% ในรอบ 24 ชั่วโมง มาอยู่ที่ระดับ 184 ดอลลาร์ (ล่าสุดร่วงลงมาอยู่ที่ 168 ดอลลาร์แล้ว) ขณะที่ตลาดคริปโตโดยรวมปรับตัวลงเพียง 1.22% สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันเฉพาะตัวที่ส่งผลต่อ Solana ในช่วงนี้
วิเคราะห์ปัจจัยกดดันราคา Solana
การปรับตัวลงของ Solana มีปัจจัยสำคัญมาจากการลดลงของกิจกรรมบนเครือข่าย โดยข้อมูลจากนักวิเคราะห์ Ali ระบุว่า มูลค่าของปริมาณการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์บนเครือข่าย Solana ลดลงจากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2024 เหลือเพียง 26 ล้านดอลลาร์ในวันนี้
The total volume transferred on the #Solana $SOL network has dropped from $2 billion in November to just $26 million today! pic.twitter.com/qgCOmjd2It
— Ali (@ali_charts) February 17, 2025
นอกจากนี้ ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ LookOnChain ยังแสดงให้เห็นถึงการไหลออกของ Stablecoin ทั้ง USDT และ USDC จากระบบนิเวศของ Solana มูลค่ารวมกว่า 772 ล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ Ethereum กลับเห็นการไหลเข้าของ Stablecoin เพิ่มขึ้นถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน
In the past 7 days, stablecoins(USDT&USDC) on #Ethereum increased by $1.1B, and stablecoins(USDT&USDC) on #Solana decreased by $772M.https://t.co/yB4qdHHRsH pic.twitter.com/Nx03I8vZlB
— Lookonchain (@lookonchain) February 17, 2025
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการปลดล็อกเหรียญจากกองทุน FTX ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 2.3% ของ Supply ทั้งหมด ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคา แม้ว่าผู้ซื้อหลักจะเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่อย่าง Galaxy Digital และ Pantera ที่มักจะถือระยะยาวก็ตาม
สัญญาณทางเทคนิคชี้โอกาสฟื้นตัว
แม้ราคาจะปรับตัวลงแรง แต่ข้อมูลจาก CoinGlass แสดงให้เห็นว่า Open Interest (OI) ของ Solana กำลังเพิ่มขึ้น ในขณะที่ OI-weighted Funding Rate ยังคงติดลบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้เทรด Short Position ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับผู้ถือ Long Position เพื่อรักษาสถานะไว้
การที่ Funding Rate ติดลบอย่างมีนัยสำคัญ บ่งชี้ว่า Solana กำลังอยู่ในภาวะ Oversold โดยมีนักเทรดจำนวนมากที่ใช้ Leverage เพื่อเปิดสถานะ Short ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ต้นทุนในการรักษาสถานะ Short จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และอาจนำไปสู่การปิดสถานะเพื่อทำกำไร (Short Covering) ที่จะช่วยผลักดันราคาให้ฟื้นตัวขึ้นได้
$SOL, $HBAR, and $ENA are currently among the most oversold assets based on funding rates! pic.twitter.com/GJUtKMaHf9
— Ali (@ali_charts) February 17, 2025
วิกฤต Memecoin กระทบความเชื่อมั่น
ความเชื่อมั่นในระบบนิเวศของ Solana ได้รับผลกระทบอย่างมากจากเหตุการณ์ล่าสุดในตลาด Memecoin โดยเฉพาะกรณีของเหรียญ Libra (LIBRA) ที่อ้างว่าได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดี Javier Milei ของอาร์เจนตินา ซึ่งมูลค่าตลาดได้หายไปกว่า 4.4 พันล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเปิดตัว จนนำไปสู่การฟ้องร้องในอาร์เจนตินา
นอกจากนี้ ยังมีกรณีของเหรียญ Official Trump (TRUMP) ที่สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ จากกระเป๋าเงินกว่า 800,000 บัญชี โดยมูลค่าตลาดแบบ Fully Diluted ได้ลดลงประมาณ 75% จากจุดสูงสุดที่ 70 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 17 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งพบว่าประมาณ 80% ของ Supply ทั้งหมดถูกถือครองโดยกลุ่มคนวงใน
Westie นักวิเคราะห์จาก Blockworks มองว่าการเปิดตัวของเหรียญ TRUMP เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการเล่นเกมโดยคนวงใน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาด Memecoin บน Solana โดยรวม แม้ว่า Solana จะยังคงสร้างรายได้มากกว่า Ethereum ที่เป็น Layer-1 ที่ใหญ่ที่สุดตามข้อมูลจาก DefiLlama ก็ตาม
โซลูชัน Layer 2 กับอนาคตของ Solana
ท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบัน การพัฒนา Layer 2 อย่าง Solaxy (SOLX) อาจเป็นความหวังใหม่สำหรับระบบนิเวศของ Solana โดย Solaxy นำเสนอโซลูชันที่จะช่วยแก้ปัญหาการปรับขนาดและความแออัดของเครือข่าย ด้วยการใช้เทคโนโลยี Rollup ในการประมวลผลธุรกรรมนอกเชนหลัก
Solaxy ได้ออกแบบระบบให้รองรับผู้ใช้งานทุกระดับ ตั้งแต่นักลงทุนรายย่อยไปจนถึงนักเทรดที่ต้องการความเร็วสูง โดยเฉพาะในตลาด Memecoin ที่ต้องการความเร็วในการทำธุรกรรม โดยระบบสามารถรักษาความเร็วได้อย่างคงที่แม้ในช่วงที่มีการใช้งานสูง
การพัฒนา Layer 2 นี้อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Solana ในระยะยาว โดยเฉพาะในแง่ของการแก้ปัญหาความแออัดของเครือข่ายและค่าธรรมเนียมที่สูง ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนมาโดยตลอด การที่ Solaxy สามารถระดมทุนได้กว่า 21.9 ล้านดอลลาร์ในช่วงพรีเซลแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทิศทางการพัฒนานี้
แม้ว่า ราคา Solana จะเผชิญกับแรงกดดันในระยะสั้น แต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเติบโตของระบบนิเวศอย่างต่อเนื่อง อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเครือข่ายในระยะยาว ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามปัจจัยสำคัญทั้งการปลดล็อกเหรียญจาก FTX และพัฒนาการของโครงการ Layer 2 อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินโอกาสและความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม