ราคา Pi Network (Pi) ร่วงลงอย่างน่าใจหายกว่า 16.5% ในเดือนที่ผ่านมา สวนทางกับเหรียญหลักอย่าง Bitcoin และ Ethereum ที่ยังทรงตัวได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุน เริ่มมีสัญญาณบวก 2 ประการปรากฏขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Pi Network กลับมาน่าจับตาอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้
เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของโปรเจกต์มากขึ้น การทำความเข้าใจว่า Pi Network คืออะไรและมีหลักการทำงานอย่างไร ถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกคน
ทำไมราคา Pi Network ถึงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง?
Pi Network เปิดตัวบนกระดานเทรดในเดือนกุมภาพันธ์ด้วยราคาประมาณ 0.71 ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นไปถึง 2.79 ดอลลาร์ ในเวลาไม่กี่วัน แต่หลังจากนั้นราคาก็ปรับตัวลงมาโดยตลอด สาเหตุหลักน่าจะมาจากปัจจัยทางเทคนิคของตลาดเป็นสำคัญ
เมื่อราคาไม่สามารถหาผู้ซื้อรายใหม่ที่ระดับ 2.79 ดอลลาร์ได้ นักลงทุนกลุ่มแรกจึงเริ่มเทขายทำกำไรออกมา ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มักเกิดขึ้นในตลาดคริปโตที่เรียกว่า “ซื้อตามข่าวลือ ขายเมื่อข่าวจริงปรากฏ” นอกจากนี้ การที่โปรเจกต์ Pi Network มีการปล่อยเหรียญใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มเติม ยังส่งผลให้มูลค่าของเหรียญเดิมที่หมุนเวียนอยู่เจือจางลง กดดันให้ราคาปรับตัวลดลงตามกลไกอุปสงค์และอุปทาน
เหตุการณ์ล่าสุดที่สะท้อนสภาวะนี้ได้เป็นอย่างดีคือช่วงก่อนอีเวนต์ Pi2Day ซึ่งแม้จะมี การประกาศอัปเดตใหญ่จากทีมงาน Pi Network แต่ราคากลับร่วงลงสวนทางความคาดหวัง
ขณะเดียวกัน สภาวะตลาดคริปโตโดยรวมที่ยังคงซบเซา ก็ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงความเสี่ยง และไม่กล้าลงทุนในโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์มากนัก
เหตุผลที่ 1: กิจกรรมของวาฬเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สัญญาณกระทิงที่ชัดเจนที่สุดอย่างหนึ่งคือการเข้าซื้อของนักลงทุนรายใหญ่หรือที่เรียกกันว่า ‘วาฬ’ การเข้าซื้อจำนวนมหาศาลเป็นตัวบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในระยะยาว เหมือนกับที่ Michael Saylor และบริษัท BlackRock เข้าสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยสร้างแนวรับและผลักดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
สำหรับ Pi Network ก็เริ่มมีวาฬเข้ามาสะสมเหรียญเช่นกัน โดยมีรายงานว่ามีการทำธุรกรรมซื้อโทเค็น Pi มูลค่ากว่า 14 ล้านดอลลาร์บนกระดานเทรด OKX แล้วโอนไปยังกระเป๋าเงินส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าวาฬรายนี้มองเห็นศักยภาพการเติบโตในระยะยาว
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Pi BlockExplorer ยังเปิดเผยว่ามีผู้ซื้อรายใหญ่รายหนึ่งได้เข้าซื้อโทเค็น Pi ประมาณ 290 ล้านโทเค็นในช่วงเวลาสามเดือน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 150 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น การเคลื่อนไหวของวาฬเหล่านี้เป็นปัจจัยที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
นอกจากการเคลื่อนไหวของวาฬแล้ว ความผันผวนของราคาก็เป็นอีกสัญญาณที่น่าสนใจ โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ราคา Pi Network ฟื้นตัวก่อนวัน Pi2Day ซึ่งสร้างความคาดหวังให้กับนักลงทุนในระยะสั้น
เหตุผลที่ 2: ราคา Pi Network จ่อจุดต่ำสุด คือโอกาสทองของนักลงทุน?
หนึ่งในหลักการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่สำคัญคือ ‘การถดถอยไปยังค่าเฉลี่ย’ ซึ่งหมายความว่าเมื่อราคาสินทรัพย์เบี่ยงเบนไปจากแนวโน้มเฉลี่ยของมันมากเกินไป ในที่สุดมันก็จะเคลื่อนตัวกลับเข้าหาเส้นค่าเฉลี่ยนั้น
ในกรณีของ Pi Network ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์ แต่ราคากำลังซื้อขายอยู่ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดตลอดกาล การที่ราคาจะถดถอยกลับไปยังเส้นแนวโน้มเฉลี่ยจึงหมายถึงโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ Altcoin จำนวนมากในประวัติศาสตร์คริปโตที่ผ่านมา ด้วยคุณสมบัติและประโยชน์ของเครือข่ายที่คล้ายคลึงกับโปรเจกต์อื่นๆ ที่เคยสร้างผลตอบแทนระดับหลายร้อยเปอร์เซ็นต์มาแล้ว นักวิเคราะห์บางส่วนจึงมองว่านี่อาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่คุ้มค่าสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้
PI ยังมีอนาคตหรือไม่? สัญญาณจากวาฬคือคำตอบ
แม้ว่าราคา Pi Network จะร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่สัญญาณบวก 2 ประการ ทั้งการเข้าสะสมของวาฬอย่างต่อเนื่อง และราคาที่อยู่ในจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้นักวิเคราะห์มองว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของรอบการฟื้นตัวครั้งใหม่ในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน Altcoin ใหม่ยังคงมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับนักลงทุนที่มองการณ์ไกล การวิเคราะห์แนวโน้มในปัจจุบันอาจไม่เพียงพอ แต่ควรศึกษา การคาดการณ์ราคา Pi Network ในระยะยาว เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนให้รอบด้านยิ่งขึ้น
Best Wallet Token: โอกาสลงทุนใหม่ท่ามกลางความผันผวนของตลาดคริปโต
ในขณะที่ Pi Network กำลังเผชิญกับความท้าทายจากการร่วงลงของราคา นักลงทุนหลายคนเริ่มมองหาโอกาสใหม่ในตลาดคริปโต หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจคือ Best Wallet Token ($BEST) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นกระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดในปี 2025 ด้วยเทคโนโลยี MPC ระดับสถาบันและการรองรับมากกว่า 60 บล็อกเชน
Best Wallet โดดเด่นด้วยระบบความปลอดภัยแบบ Non-Custodial ที่ให้ผู้ใช้ควบคุม Private Key ของตนเองอย่างสมบูรณ์ พร้อมด้วยฟีเจอร์ DEX ในตัวที่เชื่อมต่อกับตลาดแลกเปลี่ยนกว่า 200 แห่ง ทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายได้โดยไม่ต้องออกจากแอป ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ Pi Network ที่ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานจริง
สิ่งที่ทำให้ $BEST น่าสนใจมากที่สุดคือการเป็นกระเป๋าเงินแรกที่มีฟีเจอร์ “Upcoming Tokens” ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงรอบพรีเซลของโปรเจกต์ใหม่ได้โดยตรง พร้อมสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับผู้ถือโทเคน เช่น ผลตอบแทน Staking สูงสุด 107% APY และค่าธรรมเนียมที่ลดลง ด้วยยอดระดมทุนกว่า 13.5 ล้านดอลลาร์และฐานผู้ใช้งานมากกว่า 500,000 คน