Pi Network สร้างความฮือฮาอีกครั้งในวัน Pi2Day ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่น่าจับตา แต่ท่ามกลางเสียงชื่นชมกลับมีเสียงสะท้อนแห่งความกังวลจากชุมชนอย่างหนาหู เราจะไปดูกันว่า นวัตกรรมใหม่จะสามารถกอบกู้ศรัทธาและผลักดันอนาคตของเหรียญ PI ได้จริงหรือไม่ หรือนี่เป็นเพียงอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สร้างกระแสเพียงชั่วคราว
สำหรับผู้ที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับโปรเจกต์นี้ การทำความเข้าใจพื้นฐานว่า Pi Network คืออะไรและมีหลักการทำงานอย่างไร ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
เปิดตัวนวัตกรรมใหม่: Pi App Studio และระบบ Staking
ในงาน Pi2Day ที่ผ่านมา Pi Network ได้นำเสนอ 2 ฟีเจอร์หลักที่ถูกมองว่าอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกม ได้แก่ Pi App Studio และ Ecosystem Directory Staking ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและสร้างระบบนิเวศให้แข็งแกร่งขึ้น
Pi App Studio เป็นแพลตฟอร์มแบบ No-Code ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ซึ่งเป็นการลดกำแพงทางเทคนิคและเชิญชวนให้คนกลุ่มใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมบนบล็อกเชนของ Pi มากขึ้น
ขณะเดียวกัน Ecosystem Directory Staking ได้แนะนำแนวคิดใหม่ให้ผู้ใช้งานสามารถนำเหรียญ Pi ที่ถืออยู่ไป Stake ในแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มการมองเห็นและความน่าเชื่อถือของแอปฯ นั้นๆ สร้างตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยความไว้วางใจแทนการโฆษณาแบบดั้งเดิม แม้จะเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่ชุมชนกลับยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่แท้จริงของฟีเจอร์เหล่านี้
Happy Pi2Day 2025! @PiCoreTeam
unveils $Pi App Studio, an AI-powered no-code platform using blockchain & AI to let anyone build apps—cutting dev time by up to 70% per 2023 studies! Plus, Ecosystem Directory Staking boosts app visibility by staking Pi on Mainnet. With 47M+… pic.twitter.com/vU12ULCNy0— Pi News (@PiListingNews) June 28, 2025
เสียงสะท้อนจากชุมชน: ปัญหาความเชื่อมั่นที่ยังไม่คลี่คลายของ Pi Network
แม้การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่จะมุ่งหวังเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วม แต่ปัญหาด้านความไว้วางใจและความโปร่งใสยังคงเป็นเงาทะมึนที่ปกคลุม Pi Network อยู่เสมอ ประเด็นการเปลี่ยนผ่านสู่ Mainnet ที่ยืดเยื้อและยอดคงเหลือในบัญชีที่ไม่ชัดเจนได้สร้างบรรยากาศของความไม่สบายใจในหมู่ผู้ใช้งานยุคแรกเริ่ม
บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เต็มไปด้วยเสียงของความผิดหวัง โดยผู้ใช้งานจำนวนมากรู้สึกว่าการอัปเดตใหม่ๆ ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ หนึ่งในสมาชิกชุมชนกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “หาก Pi Network ล้มเหลวในการโอนย้ายยอดคงเหลือของผู้ใช้งานทั้งหมด… ก็เสี่ยงที่จะสูญเสียความน่าเชื่อถือไปทั้งหมด” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า Pi Network จำเป็นต้องจัดการกับความท้าทายเดิมเหล่านี้อย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูศรัทธาของชุมชน
ความกังวลเหล่านี้สะท้อนออกมาในทิศทางของราคา ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า ราคา Pi Network ได้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของโปรเจกต์ อย่างไรก็ตาม อนาคตของโปรเจกต์จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการแก้ปัญหาเหล่านี้ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อ การคาดการณ์ราคา Pi Network ในระยะยาว ว่าจะสามารถเติบโตได้ตามที่นักลงทุนคาดหวังหรือไม่
จับตา Snorter Token ($SNORT): Meme Coin ที่มาพร้อม Utility สำหรับนักเทรด
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ Pi Network นักลงทุนจำนวนมากเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาด Altcoin ที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีประโยชน์ใช้งานจริง และ Snorter Token ($SNORT) คือหนึ่งในโปรเจกต์ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะโปรเจกต์คริปโตมีมที่ใช้งานได้จริงบน Telegram
Snorter Bot คือบอทเทรดบน Telegram ที่ออกแบบมาสำหรับนักเทรดโดยเฉพาะ โดยชูจุดเด่นเรื่องความเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ และฟีเจอร์ครบวงจร ตั้งแต่ Swap, Snipe, Stop-loss ไปจนถึง Copy-trading ทั้งหมดนี้ทำได้โดยตรงใน Telegram ไม่ต้องสลับแอปฯ ให้วุ่นวาย
$SNORT ซึ่งเป็นโทเค็นหลักของระบบ รองรับทั้งเครือข่าย Solana และ Ethereum และมีแผนขยายไปยังเชนอื่นๆ ในอนาคต ถือเป็นอีกหนึ่งเหรียญที่น่าจับตาอย่างมากสำหรับตลาดในรอบนี้
ในขณะที่ Snorter Token กำลังเป็นที่จับตามอง ตลาดคริปโตโดยรวมก็ยังมี เหรียญมีมที่น่าสนใจและมีศักยภาพอีกมากมาย ให้นักลงทุนได้ศึกษาเพิ่มเติม
อนาคต Pi Network ขึ้นอยู่กับความโปร่งใส
ขณะที่ Pi Network พยายามก้าวไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ความสำเร็จในระยะยาวขึ้นอยู่กับการจัดการปัญหาความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือเป็นสำคัญ นวัตกรรมที่เปิดตัวในวัน Pi2Day ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความทะเยอทะยานของโปรเจกต์ แต่ก็ไม่สามารถบดบังความกังวลที่ยังคงอยู่ได้
หากต้องการฟื้นฟูมูลค่าของโทเค็นและสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน Pi Network ต้องผสานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับการสร้างความไว้วางใจจากผู้ใช้อย่างจริงจัง เพราะความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อผู้ใช้งานจะเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จในอนาคต