NFT (Non-Fungible Token) project ของ Nike ถูกปิดตัวลงหลังไม่ประสบความสำเร็จ นักลงทุนกล่าวว่าการปิดตัวโครงการนี้อย่างฉับพลัน ทำให้ตลาดสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทพังทลาย และยืนยันว่าพวกเขาจะไม่ลงทุนตั้งแต่แรก หากได้รับข้อมูลความเสี่ยงอย่างครบถ้วน
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของตลาด NFTs และความท้าทายในการสร้างมูลค่าที่แท้จริงจากสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ บทความนี้จะเจาะลึกรายละเอียดของคดีความ ผลกระทบต่อ Nike
Nike กำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องจากกลุ่มนักลงทุนที่อ้างว่า การปิดตัวโครงการดิจิทัลคอลเลกชัน “RTFKT” อย่างกะทันหันของบริษัท ได้ทำลายมูลค่าของ NFT ที่พวกเขาซื้อและนำไปสู่ความสูญเสียทางการเงินอย่างหนัก
คดีแบบกลุ่มนี้ถูกยื่นฟ้องเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาในศาลรัฐบาลกลาง Brooklyn โดย Jagdeep Cheema ชาวออสเตรเลีย และโจทก์คนอื่นๆ ซึ่งกล่าวหา Nike ว่าทำ “rug pull” หรือการปิดโครงการโดยไม่แจ้งล่วงหน้าในเดือนธันวาคม 2024
พวกเขาอ้างว่าการตัดสินใจของ Nike ทำให้ตลาดสำหรับ NFTs และสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ตกต่ำอย่างรวดเร็ว โดยนักลงทุนระบุว่าหากพวกเขาทราบว่าสินทรัพย์เหล่านี้เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน และ Nike อาจละทิ้งโครงการได้โดยไม่มีการแจ้งเตือน พวกเขาก็คงไม่ตัดสินใจลงทุนในราคาที่จ่ายไป หรืออาจไม่ซื้อเลยแต่แรก
Nike Faces $5M Lawsuit Over NFT Shutdown#Nike is being sued in New York for $5 million after abruptly closing its digital sneaker #NFT project, #RTFKT, in December 2024.
— Briefing Block (@briefing_block_) April 27, 2025
Investors claim Nike violated consumer protection laws by:
Selling unregistered NFT securities.
Lacking… pic.twitter.com/9rcWdWhwCr
เส้นทางดิจิทัลของ Nike สะดุด หลังการปิดตัวของ RTFKT
Nike เข้าสู่วงการ Non-Fungible Token ในปี 2021 ผ่านการเข้าซื้อ RTFKT ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นและของสะสมดิจิทัลที่รวมเอาเทคโนโลยีบล็อกเชน วัฒนธรรม และการเล่นเกมเข้าไว้ด้วยกัน การเข้าซื้อครั้งนี้ถูกโปรโมตในฐานะการนำพา Nike เข้าสู่ยุคแห่งนวัตกรรมใหม่
ในช่วงที่ RTFKT อยู่ในจุดสูงสุด บริษัทสามารถทำยอดขายได้ถึง $168 ล้าน โดยมีแรงหนุนจากพลังการตลาดของ Nike และกระแสความนิยมในเรื่องการเป็นเจ้าของดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม ความร้อนแรงของตลาดเริ่มจางหายไป จนกระทั่ง Nike ประกาศปิดตัว RTFKT ในวันที่ 2 ธันวาคม 2024 โดยระบุว่าความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมของแบรนด์จะยังคงเดินหน้าต่อไปผ่านโปรเจกต์และผู้สร้างที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแบรนด์ https://twitter.com/RTFKT/status/1863621178532773928 นักลงทุนแสดงความไม่พอใจต่อการปิดตัว RTFKT โดยระบุว่า Nike ไม่ได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ NFT อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ พวกเขายังชี้ให้เห็นว่าการจัดประเภททางกฎหมายภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเด็นที่ไม่ชัดเจน โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายมากกว่า $5 ล้าน โดยอ้างถึงการละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในรัฐนิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และโอเรกอน รวมถึงการฟ้องร้องครั้งนี้ยังเป็นการตั้งคำถามที่กว้างขึ้นว่า แบรนด์ต่างๆ ควรดำเนินการกับโครงการ Web3 อย่างไรในช่วงเวลาที่หน่วยงานกำกับดูแลกำลังจับตามองสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเข้มงวดมากขึ้น
วิกฤติ Nike: บทเรียนสำหรับบริษัทใหญ่ในโลก NFT
คดีความที่ Nike กำลังเผชิญอยู่ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับบริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ ที่ต้องการเข้ามาในตลาด Non-Fungible Token การสร้างโครงการที่ประสบความสำเร็จก็ต้องอาศัยมากกว่าแค่ชื่อเสียงของแบรนด์ จะต้องมีการวางแผนที่รอบคอบ การจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพลวัตของตลาดนี้
บริษัทขนาดใหญ่จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับมูลค่าที่แท้จริงที่ NFTs สามารถมอบให้กับลูกค้าและผู้ถือได้ การสร้างโครงการที่มีประโยชน์ใช้สอยจริง เช่น การเข้าถึงสิทธิพิเศษหรือประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทควรให้ความสำคัญกับการสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจกับผู้บริโภค การเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน NFTs และการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับชุมชน NFTs อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาทางกฎหมายและชื่อเสียงได้
ทั้งนี้ แม้ว่าคดีความของ Nike จะสร้างความกังวล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตของ NFTs จะมืดมน เพราะมันยังคงมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราเป็นเจ้าของและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล แต่จำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความยั่งยืนและเข้าถึงได้มากขึ้น
ความท้าทายที่สำคัญประการหนึ่งคือการปรับปรุงความสามารถในการใช้งาน เพราะการทำให้ NFTs ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอาจช่วยขยายฐานผู้ใช้และเพิ่มความนิยมได้
นอกจากนี้ การพัฒนา Use Case ใหม่ๆ นอกเหนือจากงานศิลปะดิจิทัลและของสะสม ก็อาจช่วยสร้างมูลค่าที่แท้จริงและดึงดูดนักลงทุนและผู้ใช้ใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น ใช้เป็นหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ทางกายภาพ การเข้าถึงกิจกรรมหรือบริการพิเศษ หรือการรับรองความถูกต้องของข้อมูล
โดยรวมแล้ว อนาคตของ Non-Fungible Token ขึ้นอยู่กับการแก้ปัญหาความท้าทายที่สำคัญ การสร้างมูลค่าที่แท้จริง และการสร้างความไว้วางใจและความโปร่งใสในตลาดนั่นเอง
คดีความมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ Nike กำลังเผชิญอยู่เน้นย้ำถึงความเสี่ยงและความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับตลาด NFT แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะสร้างความกังวล แต่ก็ยังเป็นโอกาสสำหรับบริษัทและนักลงทุนในการเรียนรู้และปรับปรุงแนวทางของตนในการมีส่วนร่วมในโลก NFTs