Dogecoin เคยมีช่วงเวลาที่ราคาพุ่งแรงหลายครั้งนับตั้งแต่เปิดตัว โดยล่าสุดราคาทะยานขึ้นเกือบ 190% ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นานราคาของ Dogecoin ก็ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มูลค่าได้ลดลงไปแล้วกว่า 46% — การร่วงลงในระดับนี้ทำให้นักลงทุนบางคนเริ่มตั้งคำถามว่าตอนนี้คือ “โอกาสทองในการช้อน” หรือไม่
นักวิเคราะห์จาก The Mortly Fool ได้ออกมาเปิดเผย 3 เหตุผลที่ว่าทำไม “ไม่ควร” ลงทุนใน Dogecoin ดังนี้
1. Dogecoin ไม่มีการพัฒนาอย่างจริงจัง
คริปโตชื่อดังอย่าง Bitcoin และ Ethereum มีทีมพัฒนาที่คอยดูแลและปรับปรุงระบบอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจว่าเครือข่ายปลอดภัยและใช้งานได้ดี
แต่สำหรับ Dogecoin ซึ่งเริ่มต้นจากการล้อเลียนกลับไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ทีมพัฒนาดั้งเดิมก็เลิกดูแลไปแล้ว ปัจจุบันมีเพียงอาสาสมัครบางส่วนที่ยังคอยอัปเดตโค้ดเป็นครั้งคราวเท่านั้น
นั่นหมายความว่า Dogecoin ไม่มีแผนพัฒนาในระยะยาว ไม่มีการผลักดันการใช้งานใหม่ ๆ หรือปรับปรุงระบบอย่างจริงจัง ซึ่งต่างจาก Bitcoin ที่มีขั้นตอนตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มงวดและการสร้างโซลันใหม่ ๆ เพื่อให้การสนับสนุน เช่น Bitcoin Hyper ที่เป็น Layer-2 สำหรับการขยายความสามารถของ Bitcoin หรือ Ethereum ที่มีนักพัฒนาหลายพันคนช่วยกันอัปเกรดระบบและผลักดันโครงการ
แม้เหรียญแต่ละเหรียญจะมีแนวทางไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ “ความต่อเนื่องในการพัฒนา” ซึ่ง Dogecoin ยังขาดอยู่อย่างเห็นได้ชัด ด้วยข้อจำกัดในเรื่องการใช้งานจริงและการพัฒนาที่แทบไม่คืบหน้า จึงยากที่จะเชื่อว่า Dogecoin จะเติบโตจนพ้นจากภาพจำว่าเป็นแค่ “เหรียญมีม” ได้
2. Dogecoin ไม่มีการจำกัดจำนวนเหรียญ
โดยทั่วไปแล้ว “ความหายาก” มักเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าของบางสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นบัตรสะสมหายากหรืออัญมณีล้ำค่า ยิ่งมีจำนวนน้อยทำให้คนยิ่งอยากได้และราคาก็ยิ่งสูง
แต่ Dogecoin กลับไม่มีการจำกัดการสร้างเหรียญใหม่ หมายความว่า Dogecoin สามารถถูกเสกและปล่อยออกมาใหม่ได้เรื่อย ๆ แบบไม่สิ้นสุด และในแต่ละปีมี Dogecoin ถูกขุดเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 5 พันล้านเหรียญ
แม้ราคา Dogecoin จะเคยพุ่งสูงในบางช่วง แต่เมื่อเหรียญถูกผลิตออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ นักลงทุนบางคนก็อาจเริ่มลังเลและไม่มั่นใจในมูลค่าของมัน ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มลดลงในระยะยาว
เมื่อเปรียบเทียบกับ Bitcoin ซึ่งมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญตลอดกาล จึงทำให้ Bitcoin ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ “หายาก” และมีโอกาสรักษามูลค่าได้มากกว่า
3. ราคาของ Dogecoin ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของนักลงทุนเป็นหลัก
การลงทุนไม่ว่าจะเป็นในหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ มักเกี่ยวข้องกับความคาดหวังของนักลงทุน เช่น เวลาคนซื้อหุ้นก็เพราะหวังว่าบริษัทจะทำกำไรได้ดี มีรายได้เพิ่มขึ้น และราคาหุ้นจะขึ้นตาม
แต่ในความเป็นจริง ราคาหุ้นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ผลประกอบการเท่านั้น บางครั้งบริษัทมีกำไรดีมากแต่ราคาหุ้นกลับตกเพราะนักลงทุนคาดหวังไว้สูงกว่านั้น นี่คือตัวอย่างของ “อารมณ์ตลาด” ที่ส่งผลต่อราคา
สำหรับ Dogecoin ปัญหาก็คือราคาขึ้นอยู่กับอารมณ์และกระแสมากเป็นพิเศษ แม้จะมีการใช้งานในบางด้าน เช่น การโอนเงินที่รวดเร็ว แต่การขึ้นลงของราคาส่วนใหญ่มักเกิดจากกระแสบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ซึ่งเป็นความนิยมชั่วคราว ไม่ได้อิงจากการใช้งานจริงหรือพื้นฐานทางเศรษฐกิจมากนัก
ในระยะสั้น ความรู้สึกของคนอาจทำให้ราคา Dogecoin พุ่งขึ้นได้ แต่ในระยะยาว สินทรัพย์ที่มีมูลค่าจริงมักต้องมี “ของจริง” หนุนหลัง เช่น ยอดขาย กำไร หรือการใช้งานจริง ในขณะที่ Dogecoin ถูกสร้างขึ้นมาแบบขำ ๆ และยังมีประโยชน์ใช้งานไม่มากนัก จึงเสี่ยงที่จะผันผวนตามกระแสมากกว่าเหตุผล