ตลาด Bitcoin เผชิญความท้าทายหลังราคาร่วงต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์เมื่อวันอังคาร เนื่องจากไม่สามารถรักษาแนวรับสำคัญได้ เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการล้างพอร์ตมูลค่าหลายพันล้าน และส่งสัญญาณถึงการปรับฐานที่อาจรุนแรงในสัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์จาก 10X Research ได้เตือนถึงเหตุการณ์นี้ล่วงหน้า โดยระบุความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมหภาคและสภาพคล่องที่ตึงตัวเป็นปัจจัยหลัก
ปัจจุบัน Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 88,700 ดอลลาร์ ลดลง 7% ในช่วง 1 สัปดาห์ สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดกับเพียง Bitcoin เท่านั้น เหรียญอื่นก็ปรับตัวลง โดย Ethereum ลงซื้อขายที่ระดับสูงกว่า 2,400 ดอลลาร์เล็กน้อย และ SOL มากกว่า 140 ดอลลาร์ ลดลงเกือบ 10% ในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ชี้ราคา Bitcoin อาจดิ่งลงถึง 73,000 ดอลลาร์
ตามรายงานจาก 10X Research ในมุมมองทางเทคนิค Bitcoin ได้ก่อตัวเป็นรูปแบบ “diamond top pattern” บ่งบอกถึงการกลับตัวของเทรนด์ ซึ่งอาจจะทำให้ราคา Bitcoin ลดลงต่อไป โดยอาจจะลงไปถึงระดับ 73,000 ดอลลาร์ได้ ซึ่งสอดคล้องกับระดับต่ำสุดในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

ทีมวิเคราะห์ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่ MicroStrategy ได้รับการบรรจุเข้าในดัชนี Nasdaq-100 ล่าสุด โดยเตือนว่าอาจกลายเป็นเหตุการณ์ “sell the news” ซึ่งหมายถึงการที่นักลงทุนขายทำกำไรหลังจากที่มีข่าวดีออกมาแล้ว แม้ว่าบริษัทจะมีการสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่อง แต่ราคา BTC ก็ไม่สามารถรักษาแรงส่งขาขึ้นได้
Ari Paul ผู้ร่วมก่อตั้ง BlockTower Capital ได้ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความผันผวนในอีก 4-15 เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้การปรับตัวลงไปที่ระดับ 73,000-77,000 ดอลลาร์มีความเป็นไปได้สูง
My market take: equities in for 4-15 months of pain (I’ll guess 9 months) tied to deflationary government policies (tariffs and mass layoffs mostly). Then it’s a political question – does Trump admin “capitulate” and turn severely inflationary? In vast majority of similar cases…
— Ari Paul ⛓️ (@AriDavidPaul) February 25, 2025
ปัจจัยกดดันราคา BTC จากนโยบายการเมืองและเศรษฐกิจโลก
การตกของราคา Bitcoin มีสาเหตุสำคัญจากนโยบาย Trump ที่เก็บภาษี 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก สร้างความกังวลเศรษฐกิจและกระตุ้นการขายในตลาดคริปโต ราคา BTC ดิ่งถึง 86,300 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมลดลงถึง 230,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีเงินทุนกว่า 508 ล้านดอลลาร์ไหลออกจากกองทุนคริปโต แสดงถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน
แม้มีข่าวดีอย่างการที่ SEC ถอนฟ้อง Coinbase ซึ่งน่าจะนำไปสู่กฎเกณฑ์คริปโตที่ชัดเจนขึ้น แต่เหตุการณ์แฮก Bybit ซึ่งเป็นการแฮกครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ยิ่งซ้ำเติมตลาดที่ขาดความเชื่อมั่น ทำให้ราคาทรุดตัวจาก 99,500 ดอลลาร์ เหลือเพียง 89,500 ดอลลาร์ ลดลงกว่า 6.7% ในรอบ 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายยังเชื่อว่าตลาดกระทิงยังไม่จบ โดยคาดว่าจะกลับมาในอีก 6 เดือนข้างหน้า
สถาบันการเงินและนักลงทุนรายใหญ่ยังคงเชื่อมั่นใน Bitcoin
ท่ามกลางความผันผวนของตลาด สถาบันการเงินและนักลงทุนรายใหญ่ยังคงเชื่อมั่นใน Bitcoin อย่างต่อเนื่อง Michael Saylor และบริษัท Strategy ซื้อ BTC เพิ่มอีก 20,365 เหรียน มูลค่าประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ ที่ราคาเฉลี่ย 97,514 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ส่งผลให้บริษัทถือครอง Bitcoin รวมทั้งสิ้น 499,096 BTC
นอกจากนี้ Strategy ยังมีแผน “21/21” โดยเตรียมเงินทุนอีกถึง 42,000 ล้านดอลลาร์สำหรับซื้อเพิ่มในช่วง 3 ปีข้างหน้า
BlackRock ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Strategy เป็น 5% ส่วน Metaplanet บริษัทลงทุนจากญี่ปุ่นก็ซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 135 เหรียญ มูลค่า 13 ล้านดอลลาร์ รัฐบาล El Salvador ก็ยังซื้อเพิ่มอีก 7 เหรียญที่ราคา 94,050 ดอลลาร์ต่อเหรียญ รวมถือครองทั้งสิ้น 6,088 เหรียญ คิดเป็นมูลค่า 560.7 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ประธานาธิบดี Trump ยังแสดงท่าทีสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตโดยผลักดันให้มีกฎหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกใหม่ๆ ในช่วงที่ Bitcoin ผันผวน BTC Bull ($BTCBULL) กำลังได้รับความนิยมในฐานะโทเค็นที่ให้รางวัลแก่ผู้ถือด้วย Bitcoin จริงเมื่อราคาถึงเป้าหมาย พร้อมระบบ Staking ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 154% ต่อปี BTCBULL แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยระดมทุนไปได้แล้วว่า 2.8 ล้านดอลลาร์