รายงานล่าสุดจาก Gemini และ Glassnode เผยข้อมูลที่น่าตกใจ ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์การถือครอง Bitcoin ทั่วโลก โดยพบว่าสัดส่วนการถือครองโดยสถาบันและองค์กรแบบรวมศูนย์ (Centralized Entities) ได้พุ่งสูงถึง 31% ของอุปทานหมุนเวียนทั้งหมด หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 6.1 ล้าน BTC ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับในวงกว้างและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของสกุลเงินดิจิทัลนี้ในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุนระดับโลก
วิเคราะห์ Bitcoin ETF: BlackRock นำทัพกวาดเรียบตลาด
กองทุน Exchange-Traded Funds (ETFs) ได้กลายเป็นผู้เล่นหลักที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาด Bitcoin อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยข้อมูลชี้ว่ากองทุน ETF ทั่วโลกถือครอง Bitcoin รวมกันมากถึง 1,390,267 BTC คิดเป็นมูลค่าเกือบ 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผู้นำในกลุ่มนี้คือ BlackRock iShares Bitcoin Trust (IBIT) ที่ถือครองมากถึง 665,638.1 BTC ตามมาด้วย Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) และ Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ที่มีต่อ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ระยะยาว แต่ยังเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
ความสนใจของ BlackRock ไม่ได้หยุดอยู่แค่ Bitcoin เท่านั้น แต่ยังขยายไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ด้วย โดยล่าสุดมีสัญญาณว่า ETH อาจเป็นผู้นำตลาด Altcoin รอบใหม่ หลังจากมีข่าวการเข้าสะสมจากวาฬและสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่
นอกจาก Ethereum แล้ว การมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดที่กว้างขึ้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งปัจจุบันมี เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนในปี 2025 อีกหลายตัวที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่น่าจับตามอง
ใครคือเจ้ามือ Bitcoin ตัวจริง? เปิดพอร์ตภาครัฐและบริษัทมหาชน
นอกเหนือจากกองทุน ETF แล้ว ภาครัฐและบริษัทมหาชนก็เข้ามาสะสม Bitcoin อย่างมีนัยสำคัญ โดยรัฐบาลทั่วโลกถือครองรวมกันถึง 529,705 BTC ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการยึดทรัพย์สินทางกฎหมาย ไม่ใช่การเข้าซื้อจากตลาดโดยตรง โดยสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ถือครองรายใหญ่ที่สุดที่ 207,189 BTC ตามมาด้วยจีนและสหราชอาณาจักร
ในฝั่งของบริษัทมหาชน MicroStrategy ยังคงเป็นผู้นำด้วยการถือครอง Bitcoin มากถึง 582,000 BTC ตามมาด้วยบริษัทเหมืองขุดอย่าง Marathon Digital Holdings และ Riot Platforms การลงทุนเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Bitcoin ได้กลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในพอร์ตการลงทุนขององค์กร เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและความผันผวนทางเศรษฐกิจ
กลยุทธ์การลงทุนของบริษัทเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของ Bitcoin ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเริ่มมองถึง การคาดการณ์ราคา Bitcoin ในระยะยาว ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไรต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า
จับตาแพลตฟอร์มเทรด: ศูนย์กลางการถือครอง Bitcoin กว่า 2.5 ล้าน BTC
อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการรวมศูนย์คือแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Centralized Exchanges) ซึ่งปัจจุบันถือครอง Bitcoin อยู่ประมาณ 2.5 ล้าน BTC แม้ว่าเหรียญส่วนใหญ่ในจำนวนนี้จะเป็นของนักลงทุนรายย่อยที่ฝากไว้บนแพลตฟอร์ม แต่การที่เหรียญจำนวนมหาศาลกระจุกตัวอยู่ในบัญชีของแพลตฟอร์มเหล่านี้ ก็เป็นการตอกย้ำถึงบทบาทและความสำคัญขององค์กรเหล่านี้ในระบบนิเวศการซื้อขายและการดูแลรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีอิทธิพลต่อสภาพคล่องและทิศทางของตลาดโดยรวม
สำหรับนักลงทุนรายใหม่ที่สนใจและต้องการเริ่มต้นบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ การเรียนรู้ วิธีซื้อบิทคอยน์ง่ายๆ สำหรับมือใหม่ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเข้าสู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล
สรุป: Bitcoin ไม่ใช่ของรายย่อยอีกต่อไป? สถาบันคุมเกมแล้ว
ข้อมูลจากรายงานฉบับนี้ชี้ชัดว่าภูมิทัศน์การเป็นเจ้าของ Bitcoin ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ขับเคลื่อนโดยนักลงทุนรายย่อย ปัจจุบันได้กลายเป็นสนามแข่งขันของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ ภาครัฐ และบริษัทมหาชน การเข้ามาของผู้เล่นระดับบิ๊กอย่าง BlackRock และ MicroStrategy ไม่เพียงแต่ผลักดันให้ Bitcoin ได้รับการยอมรับในกระแสหลัก แต่ยังส่งผลให้การควบคุมอุปทานกว่า 31% ตกอยู่ในมือขององค์กรแบบรวมศูนย์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่นักลงทุนทุกคนต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
การที่สถาบันใหญ่เข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งตอกย้ำว่า Bitcoin คือเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนอันดับหนึ่ง สำหรับพอร์ตการลงทุนในยุคดิจิทัล ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการยอมรับที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง