USDT (Tether) ถือเป็นหนึ่งใน Stablecoin ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากมูลค่าของมันถูกตรึงไว้กับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดคริปโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยน การโอนเงินระหว่างประเทศ หรือแม้กระทั่งการทำหน้าที่เป็นตัวกลางสำคัญในระบบการเงินดิจิทัลที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าเหรียญ USDT คือสกุลเงินอะไร บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักเหรียญคริปโตชั้นนำนี้มากขึ้น โดยจะพูดถึงว่า สกุลเงิน USDT คืออะไร หลักการทำงานเป็นอย่างไร แล้วมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้างที่ควรรู้
สกุลเงิน USDT คืออะไร?
USDT ย่อมาจาก United States Dollar Tether
สำหรับคำถามที่ว่าเหรียญ USDT คือสกุลเงินอะไร คำตอบคือ เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลประเภท stablecoin ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดคริปโต ออกโดยบริษัท Tether Limited
Stablecoin มีจุดเด่นในการรักษามูลค่าให้คงที่ โดยผูกมูลค่าของเหรียญไว้กับสินทรัพย์สำรอง เช่น สกุลเงินทั่วไป (fiat currency) อย่างดอลลาร์สหรัฐ, สินค้าโภคภัณฑ์ (commodities), หรือแม้กระทั่งคริปโตเคอร์เรนซี่อื่น ๆ
สำหรับเหรียญ Tether นี้ถูกออกแบบให้มีมูลค่าคงที่ในอัตรา 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐ หมายความว่า 1 USDT มีมูลค่าเท่ากับ $1 เสมอ
จุดประสงค์หลักของการสร้างเหรียญคริปโตดังกล่าว คือการมอบทางเลือกให้กับผู้ใช้งานคริปโตที่ต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนน้อยกว่า
กล่าวคือ มันมีความสามารถในการทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บมูลค่าที่มั่นคง รวมถึงช่วยให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น โดยลดความผันผวนที่มักพบในสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เช่น Bitcoin หรือ Ethereum
USDT ทำงานอย่างไร?
-
การรักษามูลค่าผูกกับดอลลาร์
เหรียญ crypto ชั้นนำนี้สามารถรักษามูลค่าให้เท่ากับ $1 ได้ โดยการอิงกับสินทรัพย์สำรองที่ Tether Limited ถืออยู่ ในทุกครั้งที่มีการสร้าง USDT หนึ่งเหรียญ บริษัทจะต้องมีสินทรัพย์สำรองในมูลค่าเทียบเท่า 1 ดอลลาร์
การสำรองนี้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่าสามารถแลกเปลี่ยน 1 USDT กลับมาเป็น $1 ได้ตลอดเวลา
-
การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน
เหรียญ Tether นี้ถูกพัฒนาให้สามารถใช้งานบนเครือข่ายบล็อกเชนหลากหลาย เช่น Bitcoin (ผ่าน Omni Layer), Ethereum (ในรูปแบบ ERC20 token), Tron (ในรูปแบบ TRC20 token) และเครือข่ายอื่น ๆ
ซึ่งการรองรับหลายบล็อกเชนนี้ช่วยให้มันเป็นที่ยอมรับและใช้งานได้อย่างกว้างขวางบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ
การใช้งานในชีวิตจริง
- การเทรด: ถูกใช้เป็นคู่เทรดหลักในหลาย ๆ แพลตฟอร์มคริปโต ทำให้นักเทรดสามารถย้ายเงินได้รวดเร็วโดยไม่ต้องแปลงกลับเป็นเงินสกุลปกติ
- การเก็บมูลค่า: ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง stablecoin มักกลายเป็นตัวเลือกที่หลายคนใช้เพื่อรักษามูลค่าสินทรัพย์
- การชำระเงิน: ทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไปเริ่มนำเหรียญคริปโตดังกล่าวมาใช้ในการทำธุรกรรม เนื่องจากความรวดเร็วและเสถียรภาพที่เหนือกว่าระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
ทำไมจึงสำคัญในโลกคริปโต?
- ความเสถียร: มีมูลค่าที่คงที่ ทำให้เหมาะสำหรับการทำธุรกรรมและการซื้อขาย ซึ่งต่างจากคริปโตส่วนใหญ่ที่มีราคาขึ้นลงรุนแรง
- สภาพคล่อง: ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเพิ่มสภาพคล่องระหว่างการแลกเปลี่ยนคริปโตกับเงินสกุลปกติได้อย่างรวดเร็ว
- การเข้าถึงอย่างไร้พรมแดน: เช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ที่การโอนสามารถทำได้อย่างง่ายดายทั่วโลก โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบธนาคาร
USDT ปลอดภัยไหม เหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือไม่?
ในแง่ของความปลอดภัยและความถูกต้องตามกฎหมายของเหรียญ Tether นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสถานะด้านกฎระเบียบ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ stablecoins รวมถึงลักษณะการใช้งานเฉพาะของคุณเอง
ด้านล่างนี้คือการวิเคราะห์ประเด็นด้านความปลอดภัยและข้อพิจารณาทางกฎหมาย:
ความปลอดภัย
ความปลอดภัยของเหรียญขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้:
1. การสำรองและสินทรัพย์ค้ำประกัน
Tether อ้างว่า USDT แต่ละเหรียญมีการค้ำประกันด้วยสินทรัพย์สำรอง เช่น เงินสด สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม มีข้อถกเถียงในอดีตเกี่ยวกับความเพียงพอและความโปร่งใสของสินทรัพย์สำรองเหล่านี้
ในปี 2021 Tether ได้ยอมความกับ New York Attorney General (NYAG) หลังถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับสินทรัพย์สำรอง แม้ว่าในปัจจุบัน Tether จะเผยแพร่รายงานการตรวจสอบสินทรัพย์เป็นประจำ แต่ก็ยังมีบางฝ่ายวิจารณ์ว่า รายงานเหล่านี้ยังขาดความโปร่งใสอย่างแท้จริง
2. ความเสี่ยงจากคู่สัญญา
ขึ้นอยู่กับ Tether Limited ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออกเหรียญ หากบริษัทประสบปัญหาทางการเงินหรือข้อกฎหมาย ผู้ถือเหรียญก็อาจเผชิญความเสี่ยงได้
ซึ่งต่างจากเงินฝากธนาคารหรือเครื่องมือทางการเงินที่มีการประกันโดยรัฐบาล
3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
เหรียญคริปโตที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallets) อาจเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กหรือขโมยได้ หากไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
4. ความเสี่ยงด้านตลาด
แม้ว่า stablecoin อย่างเหรียญ Tether จะมีเสถียรภาพมากกว่า cryptocurrency อื่น ๆ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง อย่างการที่ผู้คนสูญเสียความเชื่อมั่นใน Tether หรือความเข้มงวดด้านกฎระเบียบ ก็อาจทำให้มูลค่าของเหรียญผันผวนและไม่คงที่ได้
ความถูกต้องตามกฎหมาย
สถานะทางกฎหมายของเหรียญคริปโตจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลในแต่ละพื้นที่จัดประเภท stablecoin และ cryptocurrency อย่างไร
1. สถานะด้านกฎระเบียบ
ในสหรัฐอเมริกา Stablecoins กำลังเผชิญการตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น SEC (Securities and Exchange Commission) และ CFTC (Commodity Futures Trading Commission)
Federal Reserve ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ stablecoins ที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงิน
แม้ว่าเหรียญ Tether จะไม่ถือว่าผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา แต่กรอบกฎหมายในด้านนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป
ในขณะที่บางประเทศอย่างจีนได้สั่งห้ามหรือจำกัดการใช้ cryptocurrency อย่างเข้มงวด บางประเทศอย่าง Singapore และ Switzerland กลับมีการวางกรอบกฎหมายสำหรับ stablecoins ที่ชัดเจนมากกว่า
สำหรับประเทศไทย หากคุณสงสัยว่า USDT ถูก กฎหมาย ไหม คุณสามารถสบายใจได้ เพราะเหรียญ stablecoin ตัวนี้สามารถใช้งานได้อย่างถูกกฎหมายสำหรับการซื้อขายหรือลงทุนผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล อย่าง ก.ล.ต.
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานในไทยยังไม่สามารถนำเหรียญดังกล่าวมาใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการได้โดยตรง ดังนั้น การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดท้องถิ่นจึงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง เมื่อมีการใช้งานคริปโตเคอเรนซีในประเทศไทย
2. การปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน (AML)
Tether มีมาตรการปฏิบัติตามข้อกำหนด AML และ Know Your Customer (KYC) สำหรับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มของตน
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานอาจประสบปัญหาทางกฎหมายหากใช้เหรียญในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในประเทศที่ตนอยู่อาศัย
3. การคุ้มครองผู้บริโภค
เหรียญ crypto แตกต่างจากเงินสดในบัญชีธนาคาร ตรงที่ผู้บริโภคจะไม่ได้รับการคุ้มครอง เช่น การประกันเงินฝาก
ดังนั้นหาก Tether Limited ประสบปัญหาทางกฎหมายหรือการเงิน ผู้ใช้งานก็อาจไม่มีช่องทางในการเรียกร้องเงินคืน
USDT เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือไม่?
เหรียญคริปโตใดๆ จะปลอดภัยสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หาก:
- คุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการถือครองและการทำธุรกรรมด้วย cryptocurrency
- คุณเก็บเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือและมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดี
- คุณใช้งานในพื้นที่ที่การใช้ cryptocurrency ถูกต้องตามกฎหมายและมีกฎระเบียบรองรับ
อย่างไรก็ตาม:
- สำหรับการเก็บเงินจำนวนมากหรือการลงทุนระยะยาว คุณอาจพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น บัญชีธนาคารหรือเครื่องมือทางการเงินที่มีการประกัน
- หากคุณต้องพึ่งพา stablecoin สักตัว คุณควรกระจายความเสี่ยงด้วยการถือครองเหรียญ stablecoin อื่น ๆ ด้วย เพื่อป้องกันหากเกิดปัญหาขึ้นกับ Tether
หากคุณสงสัยว่า USDT ปลอดภัยไหม ต้องบอกว่าแม้เหรียญ Tether จะได้รับความนิยมและให้ความสะดวกสบายสำหรับการทำธุรกรรมในโลกคริปโต แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในด้านความโปร่งใสอยู่บ้าง และอาจต้องเผชิญหน้ากับการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงขึ้นอยู่กับความเสถียรของบริษัทผู้ออกเหรียญเองด้วย
คำถามที่ว่า USDT ปลอดภัยไหม อาจไม่มีคำตอบที่แน่นอน แต่การตระหนักถึงความเสี่ยงและข้อจำกัดจะช่วยให้คุณตัดสินใจใช้งานได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
ทำไม Tether ถึงมีประเด็น?
แม้ว่าเหรียญของ Tether จะถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังเป็นเหรียญที่อยู่ท่ามกลางข้อกังขาและข้อถกเถียงในหลายแง่มุม ดังนี้:
1. ข้อสงสัยเกี่ยวกับเงินสำรอง
Tether อ้างว่า USDT ทุกเหรียญได้รับการสนับสนุนด้วยเงินสำรองที่มีมูลค่าเทียบเท่ากัน (ไม่ว่าจะเป็นเงินสดหรือสินทรัพย์ที่เทียบเท่าเงินสด) อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์หลายคนได้ตั้งคำถามว่า Tether มีเงินสำรองเพียงพอจริงหรือไม่ในการสนับสนุนเหรียญคริปโตดังกล่าวทั้งหมดที่ออกมา
ในปี 2021 Tether ได้เปิดเผยว่าเงินสำรองของบริษัทมีเพียงบางส่วนที่เป็นเงินสด ในขณะที่ส่วนที่เหลือประกอบไปด้วย commercial paper, สินเชื่อ และสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ความไม่ชัดเจนนี้จึงทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของเหรียญ
2. การตรวจสอบของหน่วยงานกำกับดูแล
Tether และบริษัทแม่อย่าง iFinex เคยเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายจากหน่วยงานกำกับดูแล ตัวอย่างเช่น ในปี 2021 Tether ได้ตกลงยอมความกับสำนักงานอัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก และจ่ายค่าปรับ หลังถูกตั้งข้อหาว่าบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนสินทรัพย์ของ Tether และปกปิดการขาดทุนทางการเงิน
ข้อตกลงยังกำหนดให้ Tether ต้องจัดทำรายงานเกี่ยวกับเงินสำรองของบริษัทเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดข้อกังขาเกี่ยวกับการอ้างว่ามีการสนับสนุนด้วยสินทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศยังคงติดตาม stablecoin อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเห็นว่ามีผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบการเงิน
3. ข้อกล่าวหาเรื่องการปั่นตลาด
อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงคือการที่ Tether ถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทในการปั่นราคาคริปโต โดยเฉพาะ Bitcoin มีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ว่า การออกเหรียญ USDT ปริมาณมากในบางช่วงเวลานั้นสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาตลาดที่สำคัญ
4. ความกังวลเรื่องการรวมศูนย์
Tether ต่างจากคริปโตเคอเรนซีแบบกระจายศูนย์อย่าง Bitcoin ตรงที่มันถูกควบคุมโดยองค์กรกลาง คือ Tether Limited ซึ่งทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส
5. ความเสี่ยงเชิงระบบ
เนื่องจากเหรียญ Tether นี้ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางทั้งในการเทรดคริปโตและในระบบ DeFi (Decentralized Finance) หากเกิดปัญหาใด ๆ ที่ทำให้มันขาดเสถียรภาพหรือสูญเสียความเชื่อมั่น ก็อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของคริปโตเป็นวงกว้างได้
สรุปได้ว่าแม้เหรียญดังกล่าวจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในตลาดคริปโต ที่ช่วยสร้างสภาพคล่องและความมั่นคง แต่ข้อกังวลในด้านความโปร่งใส การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และความเสี่ยงเชิงระบบ ก็เป็นประเด็นที่ทำให้มันถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เป็นครั้งคราว
ดังนั้น สำหรับผู้ที่สงสัยว่าเหรียญ USDT ปลอดภัยไหม หรือ USDT ถูกกฎหมายไหม จึงควรติดตามข่าวสารและการพัฒนาของ stablecoin นี้อย่างใกล้ชิด
การทำงานของ USDT Wallet ในประเทศไทยเป็นอย่างไร?
กระเป๋าเงินคริปโตมีการทำงานที่คล้ายคลึงกันทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลในระดับสากล
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเฉพาะ เช่น กฎระเบียบในท้องถิ่น แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน และแนวโน้มการใช้งาน อาจมีผลต่อวิธีการใช้งานในแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทย
ต่อไปนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของกระเป๋าเงินดิจิทัลและความสำคัญในบริบทของไทย:
การทำงานของ USDT Wallet
USDT wallet คือกระเป๋าเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นเพื่อจัดเก็บ ส่ง และรับ Tether ซึ่งเป็น stablecoin ที่มีมูลค่าผูกกับดอลลาร์สหรัฐ
กระเป๋าเหล่านี้สามารถเป็นแบบ “ซอฟต์แวร์” (เช่น แอปพลิเคชันมือถือ โปรแกรมบนเดสก์ท็อป หรือส่วนขยายเบราว์เซอร์) หรือแบบ “ฮาร์ดแวร์” (อุปกรณ์ทางกายภาพสำหรับการจัดเก็บที่ปลอดภัย) ซึ่งจำแนกได้ดังนี้:
1. ประเภทของกระเป๋าเงิน
- Hot Wallet คือ กระเป๋าเงินออนไลน์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เช่น Trust Wallet, Best Wallet, MetaMask หรือกระเป๋าที่ให้บริการโดยแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน เช่น Binance และ Bitkub
- Cold Wallet คือ กระเป๋าเงินออฟไลน์สำหรับการจัดเก็บที่มีความปลอดภัยสูง หรือที่เรียกว่า hardware wallet เช่น Ledger และ Trezor
2. เครือข่ายบล็อกเชน
USDT ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่ายบล็อกเชนหลากหลาย เช่น Ethereum (ERC20), Tron (TRC20), Binance Smart Chain (BEP20) และอื่น ๆ ดังนั้น กระเป๋าเงินต้องรองรับเครือข่ายที่คุณต้องการใช้งาน
ตัวอย่างเช่น หากคุณส่งเหรียญผ่านเครือข่าย TRC20 ไปยังที่อยู่ ERC20 อาจทำให้เงินสูญหายได้
3. คุณสมบัติสำคัญ
- Private Keys: กระเป๋าเงินจะมอบ Private Keys หรือ Seed Phrases ที่ใช้เข้าถึงสินทรัพย์ของคุณ ซึ่งควรเก็บรักษาอย่างปลอดภัยและเป็นความลับ
- การส่งและรับเงิน: ผู้ใช้งานสามารถส่งเหรียญโดยป้อนที่อยู่กระเป๋าของผู้รับและเลือกเครือข่ายบล็อกเชนที่ถูกต้อง
- การแปลงค่า: กระเป๋าเงินหลายตัวมีฟีเจอร์ให้แลกเปลี่ยนคริปโตหนึ่งเป็นคริปโตสกุลอื่น หรือเป็นเงินเฟียตผ่านระบบแลกเปลี่ยนในตัว
USDT Wallet ไทย นิยมไหม?
ในประเทศไทย แม้ USDT จะยังไม่ถูกนำมาใช้มากนักเมื่อเทียบกับ Bitcoin แต่ก็ได้รับความนิยมสำหรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เช่น การซื้อขาย การโอนเงิน และการชำระเงิน
ต่อไปนี้คือวิธีการทำงานในบริบทของประเทศไทย:
1. ตัวเลือกกระเป๋าเงินยอดนิยม
- แพลตฟอร์มในประเทศ: แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตในไทย เช่น Bitkub ให้บริการกระเป๋าเงินที่รองรับการฝาก ถอน และซื้อขายเหรียญอย่าง Tether
- แพลตฟอร์มนานาชาติ: แพลตฟอร์มระดับโลก เช่น Binance, Coinbase Wallet, Trust Wallet, MetaMask และ Best Wallet ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานชาวไทย
- hardware wallet: สำหรับการจัดเก็บระยะยาวและความปลอดภัยสูง กระเป๋าเงินแบบออฟไลน์อย่าง Ledger และ Trezor ถือเป็นตัวเลือกที่ดี
2. กรณีการใช้งานในประเทศไทย
- การซื้อขาย: นักเทรดชาวไทยจำนวนมากใช้ USDT เป็นคู่ซื้อขายที่มีเสถียรภาพในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนทั้งในและนอกประเทศ
- การโอนเงิน: ผู้ที่ทำงานในต่างประเทศหรือชาวต่างชาติใช้ USDT ในการโอนเงินระหว่างประเทศ เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมต่ำและสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
- การชำระเงิน: ร้านค้าบางแห่งในไทยเริ่มยอมรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitazza ที่ลูกค้าสามารถชำระค่าบริการเป็น USDT ผ่านระบบบริษัท และ Coins.co.th ที่เปิดให้ใช้เหรียญคริปโตดังกล่าวในการเติมเงินมือถือ หรือจ่ายบิล ทั้งนี้ แนะนำให้ใช้แพลตฟอร์ม Binance Pay หรือ BitPay ในการค้นหาร้านค้าที่ร่วมรายการเพิ่มเติม
3. การพิจารณาด้านกฎระเบียบ
การกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลในประเทศไทยอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
การซื้อขายคริปโตในไทยได้รับการยอมรับว่าถูกกฎหมาย แต่ stablecoin ยังคงอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยเคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ stablecoin แทนเงินเฟียต แต่ก็ไม่ได้มีการห้ามใช้งานอย่างสิ้นเชิง
4. ความนิยมของเครือข่าย
ในประเทศไทย เครือข่าย TRC20 (Tron) ได้รับความนิยมมากสำหรับการทำธุรกรรม USDT เนื่องจากค่าธรรมเนียมต่ำกว่าเครือข่าย ERC20 (Ethereum)
วิธีใช้งานกระเป๋าเงิน USDT ในประเทศไทย
1. เลือกกระเป๋าเงิน:
- สำหรับมือใหม่: Best Wallet และ Trust Wallet ถือว่าใช้งานง่าย
- สำหรับผู้มีประสบการณ์: MetaMask (software wallet) หรือ Ledger (hardware wallet) มีคุณสมบัติและความปลอดภัยขั้นสูง
2. การซื้อ USDT:
- ซื้อจากแพลตฟอร์มในประเทศ เช่น Bitkub หรือ Satang Pro โดยใช้เงินบาท (THB)
- หรือซื้อจากแพลตฟอร์มระดับโลก เช่น Binance ด้วยสกุลเงินดิจิทัลอื่น
3. การโอนเงิน:
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกเครือข่ายบล็อกเชนที่ถูกต้องก่อนทำการโอน
- ตรวจสอบที่อยู่กระเป๋าเงินให้ละเอียดก่อนกดส่ง crypto
4. การถอนหรือใช้จ่าย:
- ถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารผ่านแพลตฟอร์มในประเทศหากจำเป็น
- ใช้สำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์หรือการชำระเงินแบบเพียร์ทูเพียร์ที่รองรับ
วิธีใช้งาน USDT Wallet ผ่านกระเป๋าคริปโตยอดนิยม: Best Wallet
เรามาดูวิธีใช้งานเหรียญบนแพลตฟอร์ม crypto wallet ที่ใช้งานง่ายอย่าง Best Wallet กัน
ขั้นที่ 1:
ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Best Wallet ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งบน Apple App Store และ Google Play Store
ขั้นที่ 2:
หลังติดตั้งแล้ว ให้ไปที่หน้าเทรด (Trade)
ขั้นที่ 3:
เลือกธุรกรรมที่ต้องการทำ ในที่นี้เราจะยกตัวอย่างการซื้อเหรียญ (Buy)
ขั้นที่ 4:
เลือก Tether
ขั้นที่ 5:
ใส่จำนวนเงินที่ต้องการใช้ซื้อ โดยสามารถเลือกสกุลเงินเฟียตได้จากเมนูดรอปดาวน์ เช่น THB แล้วระบบจะแสดงจำนวน USDT ที่คุณจะได้รับ
ขั้นที่ 6:
เลือกวิธีการจ่ายเงินด้านล่าง เช่น Apple Pay, Google Pay, PayPal, Credit Card/Debit Card เป็นต้น
ขั้นที่ 7:
ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง จากนั้นกด “Buy USDT”
แล้วระบบจะนำคุณไปยังแพลตฟอร์มบุคคลที่สามที่มีค่าธรรมเนียมดีที่สุดเพื่อทำการซื้อเหรียญ
ทั้งนี้คุณอาจต้องกรอกข้อมูลเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการนั้นๆ
หลังจากซื้อแล้วโปรดรอสักครู่ ระบบอาจใช้เวลา 5-10 นาทีในการส่งเหรียญมายังวอลเลทของคุณ
ข้อควรระวังสำคัญ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระเป๋าเงินของคุณรองรับเครือข่ายบล็อกเชนที่คุณต้องการใช้
- ปฏิบัติตามกฎระเบียบในประเทศเกี่ยวกับการใช้งานคริปโต
- ใช้แพลตฟอร์มและกระเป๋าเงินที่เชื่อถือได้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกหรือสูญเสียเงิน
การเข้าใจหลักการเหล่านี้และการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือจะช่วยให้คุณสามารถใช้งานกระเป๋าเงินในประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยสำหรับกิจกรรมทางการเงินหลากหลายรูปแบบ
อ่านวิธีการซื้อ Bitcoin ผ่านแอป Best Wallet ได้ที่นี่
บทสรุป
ในบทความข้างต้น เราได้กล่าวไปแล้วว่า เหรียญ USDT คืออะไร สรุปง่ายๆ ก็คือ เหรียญ stablecoin ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในโลกคริปโต โดยมอบข้อดีของสกุลเงินดิจิทัล เช่น ความรวดเร็วและการเข้าถึงที่ง่าย และในขณะเดียวกันก็มอบความมั่นคงด้านมูลค่าที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ
เหรียญ Tether นี้มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของคริปโต ทั้งในด้านการเทรด การชำระเงิน และการจัดการสภาพคล่อง
อย่างไรก็ตาม สถานะทางกฎหมายของเหรียญดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับท่าทีของประเทศที่คุณอาศัยอยู่ ดังนั้น การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับกฎระเบียบในท้องถิ่นและการรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานคริปโตอย่างปลอดภัย