Pi Network เป็นหนึ่งในโครงการบล็อกเชนที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้การขุดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้คนทั่วไปผ่านอุปกรณ์มือถือ
ในรายงานนี้ เราจะสำรวจ Pi Network ในเชิงลึก โดยครอบคลุมถึงประวัติศาสตร์ เป้าหมายทางเทคโนโลยี ความคืบหน้าของเครือข่าย การเปรียบเทียบกับบล็อกเชนอื่น ๆ เช่น Bitcoin รวมถึงคาดการณ์และความท้าทายที่โครงการนี้อาจเผชิญในอนาคต
Pi Network คืออะไร?
Pi Network ถูกก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม 2018 โดยทีมผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน เช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน, การคำนวณเชิงสังคม (Social Computing) และการสร้างชุมชน
โดยมี Dr. Nicolas Kokkalis (หัวหน้าด้านเทคโนโลยี), Dr. Chengdiao Fan (หัวหน้าด้านผลิตภัณฑ์), Vincent McPhillip (หัวหน้าด้านชุมชน) และ Aurelien Schiltz เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนา และในที่สุดโครงการก็ได้เปิดตัวขึ้นในวันที่ 14 มีนาคม 2019
โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างระบบนิเวศที่เน้นการใช้งานจริง (Utility-Based Ecosystem) โดยให้ผู้ใช้งานสามารถขุดเหรียญ Pi ผ่านแอปพลิเคชันมือถือได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วยลดอุปสรรคด้านพลังงานและค่าใช้จ่ายที่มักเกี่ยวข้องกับการขุดคริปโตแบบดั้งเดิม โดยใช้ระบบที่เป็นมิตรกับอุปกรณ์พกพาและไม่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว
หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Pi Network คือการสร้างระบบบล็อกเชนที่กระจายศูนย์อย่างแท้จริง โดยเน้นการกระจายเหรียญไปยังผู้ใช้งานจำนวนมาก แทนที่จะกระจุกตัวอยู่ในมือของผู้ใช้งานเพียงไม่กี่ราย การออกแบบนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะสร้างความเท่าเทียมและการเข้าถึงที่กว้างขวางในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี
ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
Pi Network ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยผ่านระบบ KYC ที่สามารถขยายตัวได้ โดยระบบนี้มีหน้าที่ตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน เพื่อแยกแยะบัญชีที่เป็นบอทและป้องกันการใช้งานที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบในระบบนิเวศ
โดยข้อมูลที่มีความอ่อนไหวจะถูกเข้ารหัสด้วยอัลกอริทึมการเข้ารหัสที่ล้ำสมัย นอกจากนี้ การจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ผ่านโหนดหลายจุดยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงหรือควบคุมโดยบุคคลหรือองค์กรเพียงรายเดียว
พัฒนาการของ Pi Network
ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 เป็นต้นมา Pi Network ได้ดำเนินการในเฟส Enclosed Mainnet ซึ่งเป็นระยะที่มีการใช้งานไฟร์วอลล์เพื่อป้องกันการเชื่อมต่อกับบล็อกเชนภายนอก รวมถึงการป้องกันไม่ให้เหรียญถูกนำไปลิสต์บนตลาดแลกเปลี่ยนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การออกแบบนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบนิเวศ (ecosystem) ของเครือข่าย พร้อมทั้งช่วยปกป้องผู้ใช้งานจากความเสี่ยง เช่น การถูกหลอกลวงหรือการซื้อขายที่เกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร
ความคืบหน้าสำคัญระหว่างปี 2023 ถึง 2024
- การเปิดตัวโซลูชัน KYC (Know Your Customer) ในระดับมหาชน เพื่อให้สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานนับล้านคนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- การโอนยอดคงเหลือของผู้ใช้งานที่ผ่านการยืนยันตัวตนเข้าสู่ Mainnet
- การเปิดตัวเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา เพื่อให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม Pi ได้
การเติบโตของ Pi Network ในปี 2025
Pi Network ได้สร้างความสำเร็จที่น่าประทับใจในด้านการเติบโตของชุมชน โดยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2025 เครือข่ายได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ชัดเจนทั้งในด้านเทคโนโลยีและการเติบโตของชุมชน ดังนี้:
1. การเปิดตัว Open Mainnet
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 Pi Network ได้เปิดตัว Open Mainnet ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่เชื่อมโยงเครือข่ายเข้ากับโลกบล็อกเชนภายนอกอย่างเต็มรูปแบบ เปิดโอกาสให้เกิดการใช้งาน Pi Token ได้ในระดับสากล และเพิ่มศักยภาพในการรองรับธุรกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ดังนี้
2. ขยายระบบนิเวศ (Ecosystem Expansion)
เพื่อฉลองวัน Pi Day 2025 Pi Network ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่มากมาย ได้แก่:
-
ประมูลโดเมน .pi: ผู้ใช้สามารถประมูลโดเมนชื่อเฉพาะของตนเองโดยใช้ Pi Token เพื่อใช้ในร้านค้าออนไลน์และแอปภายในเครือข่าย การประมูลจะสิ้นสุดในวันที่ 28 มิถุนายน 2025
-
อัปเดตแอป Mainnet Ecosystem: ปรับปรุงอินเทอร์เฟซของแอปให้ใช้งานง่ายขึ้น ทั้งสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนา พร้อมเปิดให้ส่งแอปเข้าร่วมระบบโดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติล่วงหน้า ช่วยเร่งการเติบโตของแอปภายในระบบ
-
กิจกรรม PiFest Shopping: งานช้อปปิ้ง PiFest ครั้งแรกใน Open Network จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14–21 มีนาคม โดยมีร้านค้ามากกว่า 100,000 แห่งทั่วโลกเข้าร่วม ยืนยันถึงการนำ Pi ไปใช้ในเชิงพาณิชย์จริง
3. ปลดล็อกเหรียญ PI
ในเดือนมีนาคม 2025 Pi Network ได้ปลดล็อก Pi Token จำนวน 188 ล้านเหรียญ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ใช้งานมากกว่า 1.1 ล้านราย ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดและจุดประกายการถกเถียงถึงผลกระทบต่อกลไกราคา แม้กระนั้น ความต้องการใช้งานยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
4. การเติบโตของชุมชน
Pi Network สนับสนุนการสร้างสรรค์แอปพลิเคชันโดยนักพัฒนาภายนอกผ่านกิจกรรม Hackathon และ Developer Sandbox Program โดยแอปล่าสุดที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่:
-
แพลตฟอร์มฟรีแลนซ์แบบกระจายศูนย์
-
ศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์ที่สามารถชำระเงินด้วย Pi
เรียกได้ว่าการพัฒนาเหล่านี้ตอกย้ำจุดมุ่งหมายของ Pi Network ในการผลักดันการยอมรับคริปโตในระดับมหาชน โดยมีการใช้งานจริงเกิดขึ้นแล้ว เช่น:
-
ธุรกิจหลายหมื่นแห่งทั่วโลกเริ่มยอมรับ Pi ในการชำระเงิน
-
แอปพลิเคชันอย่าง Pi Exchange (แพลตฟอร์มซื้อขายแบบกระจายศูนย์) และ Pi Identity (ระบบยืนยันตัวตนด้วยบล็อกเชน) แสดงให้เห็นถึงการมุ่งเน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน
Pi Coin คืออะไร?
Pi Coin เป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักของแพลตฟอร์ม Pi Network ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อทำให้สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ราคาแพงและพลังงานสูงในการขุด
Pi Coin สามารถขุดได้ผ่านสมาร์ทโฟน โดยใช้แอป Pi Network วิธีการนี้ช่วยเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีโทรศัพท์มือถือสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในระบบการขุดได้ ส่งผลให้เกิดระบบนิเวศที่ครอบคลุมและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น
ข้อดีของการใช้ Pi Coin
- เข้าถึงง่าย: การขุด Pi Coin ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึกด้านเทคนิคหรือใช้อุปกรณ์เฉพาะทางใด ๆ ทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยู่ในตลาดเกิดใหม่ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่โลกของสกุลเงินดิจิทัล
- การขุดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: Pi Network ใช้กลไก Stellar Consensus Protocol (SCP) ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่ากลไก Proof of Work (PoW) ของ Bitcoin อย่างมาก ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว: แพลตฟอร์มนี้ให้ความสำคัญกับมาตรการความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ ในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นระบบกระจายศูนย์
- นำไปใช้ได้ง่าย: ด้วยการออกแบบที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายและเข้าถึงได้ง่าย Pi Coin มีศักยภาพที่จะกลายเป็นเครื่องมือสำหรับการทำธุรกรรมระหว่างบุคคล (PeertoPeer) รวมถึงการใช้งานในกิจกรรมทางการเงินในชีวิตประจำวัน
เปรียบเทียบ Pi Network กับ Bitcoin
Pi Coin และ Bitcoin เป็นตัวแทนของแนวทางที่แตกต่างกันในโลกของสกุลเงินดิจิทัล โดยแต่ละสกุลมีจุดเด่นและเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน Bitcoin ซึ่งเปิดตัวในปี 2009 มักถูกขนานนามว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” เนื่องจากเป็นแหล่งเก็บมูลค่าที่มีอุปทานจำกัด และการขุดที่ต้องใช้พลังงานสูงมาก
ในอีกด้านหนึ่ง Pi Coin ซึ่งเริ่มต้นในปี 2019 เน้นการเข้าถึงได้ง่าย โดยอนุญาตให้ผู้ใช้ทำการขุดผ่านมือถือที่ประหยัดพลังงานและใช้งานได้สะดวก
วิธีขุดและการใช้พลังงาน
Bitcoin ใช้กลไกการขุดแบบ Proof of Work (PoW) ซึ่งต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการแก้สมการทางคณิตศาสตร์เพื่อยืนยันธุรกรรม ในทางตรงกันข้าม Pi Network ใช้การขุดผ่านมือถือที่มีการใช้พลังงานต่ำกว่า ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทำให้การขุดคริปโตเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
การเติบโตของชุมชน
ชุมชนของ Bitcoin ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มที่แข็งแกร่งและกระจายศูนย์มากที่สุดในระดับสากล ด้วยจำนวนผู้พัฒนาและผู้สนับสนุนที่มีส่วนร่วมในการเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
ในทางกลับกัน Pi Network กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างฐานชุมชน แต่กลับได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ใช้งานที่ชื่นชอบแนวคิดเรื่องการขุดที่ง่ายต่อการเข้าถึงและเน้นความยั่งยืน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Pi Coin กลายเป็นที่น่าจับตามองในวงการคริปโต
ตารางเทียบระหว่าง Pi Network กับ Bitcoin
| คุณสมบัติ | Bitcoin | Pi Network |
| ปีที่เปิดตัว | 2009 | 2019 |
| กลไกการขุด | Proof of Work (PoW) ซึ่งต้องใช้พลังประมวลผลสูง | การขุดผ่านมือถือโดยใช้ Stellar Consensus Protocol (SCP) ซึ่งประหยัดพลังงาน |
| การใช้พลังงาน | ใช้พลังงานสูงเนื่องจากการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน | การใช้พลังงานน้อย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม |
| จำนวนเหรียญทั้งหมด | จำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ Bitcoin | ไม่จำกัดจำนวนเหรียญ Pi Coin |
| ความเร็วในการทำธุรกรรม | เวลาเฉลี่ยต่อบล็อก: 10 นาที | เวลาเฉลี่ยต่อบล็อก: 5 วินาที |
| การเข้าถึง | ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ ASIC และความเชี่ยวชาญทางเทคนิค | แอพพลิเคชั่นบนมือถือที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ |
| มูลค่าตลาด | มีสถานะเป็นแหล่งสะสมมูลค่าที่มีมูลค่าตลาดสูง | ยังอยู่ในระหว่างพัฒนา มูลค่ายังไม่ชัดเจนจนกว่าจะเปิดตัว Open Mainnet |
| กระจายศูนย์ | มีการกระจายศูนย์อย่างแข็งแกร่ง มีกรณีใช้งานทั่วโลก | มีเป้าหมายที่จะกระจายศูนย์ แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น |
คาดการณ์ราคา Pi Network
ตามบทคาดการณ์ในปี 2024-2030 ราคาของ Pi อาจมีความผันผวนสูง โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น การพัฒนาทางเทคโนโลยี การเติบโตของชุมชน และสภาวะตลาดโลก การคาดการณ์บางส่วนระบุว่าราคาของ Pi อาจแตะระดับสูงสุดที่ $162 ภายในปี 2030 หาก Pi Network ประสบความสำเร็จในการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและได้รับการยอมรับในวงกว้าง
บทสรุป
Pi Network เป็นโครงการบล็อกเชนที่มีศักยภาพสูงในการเปลี่ยนแปลงวิธีขุดและใช้คริปโตเคอร์เรนซี ด้วยการเข้าถึงที่ง่ายและสร้างระบบนิเวศที่ใช้งานจริง
อย่างไรก็ตาม โครงการยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน เช่น การเข้าสู่ตลาด การสร้างความเชื่อมั่นในชุมชน และการพัฒนาทางเทคโนโลยีในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อย
Pi Network คืออะไร?
อะไรทำให้ Pi Network แตกต่างจากการขุดคริปโตทั่วไป?
Pi Coin คืออะไร และสามารถซื้อขายได้หรือไม่?
ผู้ใช้งานขุด Pi Coin ได้อย่างไร?
แหล่งที่มา
