หากจะให้พูดถึงหนึ่งในสิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้กับโปรเจกต์คริปโตมากมาย ก็คงจะไม่พูดถึง ICO หรือ Initial Coin Offering ไม่ได้ แต่ ICO คืออะไร? แทนที่จะเป็นการระดมทุนให้กับโปรเจกต์ด้วยรูปแบบการระดมทุนแบบเดิมๆ ที่ต้องพึ่งพานักลงทุนรายใหญ่หรือสถาบันการเงิน โปรเจกต์เหล่านี้เลือกที่จะออกโทเค็นดิจิทัลมาทำ ICO เพื่อระดมทุนแทน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การระดมทุนด้วย ICO ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดคริปโตมีความคึกคักและได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้น วันนี้ เราลองมาทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ลึกซึ้งกันมากขึ้นดีกว่า
ICO คืออะไร? การระดมทุนรูปแบบใหม่ในโลกคริปโต
ICO ย่อมาจาก Initial Coin Offering คือ “การเสนอขายเหรียญครั้งแรกต่อสาธารณะ” ที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชน ด้วยการออกโทเค็นดิจิทัลเพื่อแลกกับสกุลเงินคริปโต เช่น Bitcoin หรือ Ether จากนักลงทุนที่สนใจ เพื่อทำการระดมทุนให้กับโปรเจกต์หรือบริษัทสตาร์ทอัพ วิธีการนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับการพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
โทเค็นที่เสนอขายผ่าน ICO มีความหลากหลายในแง่ของสิทธิประโยชน์ที่มอบให้แก่ผู้ถือ บางโปรเจกต์อาจจะให้สิทธิในการใช้บริการบนแพลตฟอร์ม ในขณะที่บางโปรเจกต์อาจจะให้โอกาสในการรับส่วนแบ่งผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจ ความแตกต่างนี้ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกที่หลากหลายตามความต้องการและเป้าหมายการลงทุน
แต่จุดที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก็คือ เมื่อคุณลงทุนใน ICO คุณจะไม่ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้นๆ แต่คุณกำลังลงทุนบนความเชื่อว่าเหรียญคริปโตที่คุณถือจะมีราคาสูงขึ้นเมื่อโปรเจกต์ดังกล่าวประสบความสำเร็จในอนาคต
แต่เนื่องจากลักษณะของโทเค็นบางประเภทมีความคล้ายคลึงกับหลักทรัพย์ตามกฎหมาย การกำกับดูแลจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น หน่วยงานกำกับดูแลอย่าง กลต จึงมักจะมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบและรับรองการออก ICO เพื่อสร้างความโปร่งใสและปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน รวมถึงป้องกันการหลอกลวงที่อาจจะเกิดขึ้นในตลาดได้
กระบวนการลงทุนของ Initial Coin Offering เป็นอย่างไร?
การระดมทุนแบบ Initial Coin Offering (ICO) จะมีช่วงเวลาที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนโดยทีมผู้พัฒนาโปรเจกต์ โดยจะระบุวันเริ่มต้นและเป้าหมายการระดมทุน โดยแต่ละ ICO จะมีการกำหนดเพดานการระดมทุนไว้ 2 ระดับ คือ Soft Cap (จำนวนขั้นต่ำที่ต้องขายได้) และ Hard Cap (จำนวนสูงสุดที่จะขาย)
ขั้นตอนการซื้อ ICO มีดังนี้:
- นักลงทุนเข้าสู่เว็บไซต์หลักของโปรเจกต์ที่จัดการระดมทุน
- เว็บไซต์จะแสดงราคาโทเค็นและสกุลเงินที่ใช้ซื้อได้ เช่น ETH หรือ BNB
- นักลงทุนโอนเงินไปยังที่อยู่กระเป๋าดังกล่าว พร้อมระบุที่อยู่กระเป๋าของตนเองเพื่อรับโทเค็น ICO
สิ่งที่นักลงทุนต้องเตรียมก่อนเข้าร่วม ICO คือ กระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) และเหรียญคริปโตที่จะใช้แลกเปลี่ยน ดังนั้น คุณจำเป็นต้องมีเหรียญคริปโตในครอบครองก่อนจึงจะสามารถซื้อ ICO ได้
ICO vs. IPO
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ICO ต่างจาก IPO อย่างไร เพราะมันมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกันในหลายๆ ครั้งเมื่อที่การพูดถึงวิธีการระดมทุนให้กับบริษัทต่างๆ โดย IPO จะย่อมาจาก Initial Public Offering คือ “การเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณะ” ซึ่งก็จะเป็นการเสนอขายหุ้นใหม่โดยบริษัทเอกชนให้แก่ประชาชนทั่วไปเพื่อการระดมทุน นับว่าเป็นการระดมทุนในรูปแบบ TradFi (ระบบการเงินแบบดั้งเดิม)
แม้จะมีเป้าหมายเดียวกันคือการระดมเงินทุนสำหรับบริษัท แต่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในแง่ของกฎระเบียบและการกำกับดูแล IPO นั้นจำเป็นจะต้องผ่านกระบวนการที่เข้มงวด มีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ และต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินและความเสี่ยงอย่างละเอียดผ่านหนังสือชี้ชวน ในทางกลับกัน ICO ซึ่งเป็นการขายโทเค็นดิจิทัล มีข้อกำหนดที่ยืดหยุ่นกว่าและไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการอนุมัติที่ซับซ้อนเหมือน IPO
รูปแบบการระดมทุนอื่นๆ ในโลกคริปโต
นอกเหนือจาก ICO แล้ว ในโลกคริปโตยังมีแนวทางการระดมทุนอื่นๆ อีก ยกตัวอย่างเช่น
- IDO (Initial DEX Offering) — IDO จะคล้ายๆ กับ ICO แต่จะแตกต่างกันตรงที่ IDO จะเป็นการเสนอขายเหรียญ/โทเค็นผ่านกระดานเทรดแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchanges หรือ DEX) แทนที่จะเป็นหน้าเว็บไซต์หรือช่องทางของโปรเจกต์/บริษัทโดยตรง
- IEO (Initial Exchange Offering) — วิธีการระดมทุนแบบ IEO นั้นแทบจะไม่มีความแตกต่างกับ IDO ในเชิงกระบวนการเลย จะต่างกันก็แค่ IEO จะเป็นการเสนอขายเหรียญ/โทเค็นผ่านกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchanges หรือ CEX) เท่านั้น
- IGO (Initial Game Offering) — อีกหนึ่งรูปแบบการระดมทุนผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่มักจะถูกนำไปใช้โดยโปรเจกต์ GameFi ซะเป็นส่วนใหญ่ โดยการระดมทุนในแบบ IGO นั้น ผู้ซื้อโทเค็นของโปรเจกต์ GamFi นั้นๆ มักจะได้รับผลตอบแทนต่างๆ จากโปรเจกต์เกมดังกล่าวโดยตรง เช่น ไอเทม/NFT พิเศษที่ไม่ซ้ำใคร หรือ โอกาสในการเข้าเล่นเกมในแบบ Early Access เป็นต้น
- STO (Security Token Offering) — เป็นวิธีระดมทุนที่ปลอดภัยและถูกกฎหมายกว่า ICO โดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงิน ทั้งมาตรการป้องกันการฟอกเงิน (AML) และกฎหมายหลักทรัพย์ เมื่อลงทุนใน STO คุณจะได้รับโทเค็นที่เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีมูลค่าแท้จริง สามารถซื้อขายได้สะดวก และยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับสินทรัพย์ต่างๆ ผ่านการแปลงเป็นโทเค็นดิจิทัล จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความปลอดภัยและความโปร่งใส
วิธีการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างมาเพื่อช่วยในการระดมทุนให้กับโปรเจกต์ใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถพัฒนานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
และอีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้คนมักจะให้ความสนใจกับโปรเจกต์ที่เปิดขายเหรียญในช่วง ICO ก็คือ โอกาสในการทำกำไรที่สูง เนื่องจากการลงทุนกับโปรเจกต์ในช่วงแรกนั้นจะช่วยให้นักลงทุนได้ซื้อเหรียญในราคาที่ต่ำมากที่สุด และหากโปรเจกต์ประสบความสำเร็จในอนาคต ก็มีโอกาสที่นักลงทุนจะทำกำไรจากการถือเหรียญของโปรเจกต์ดังกล่าวได้อย่างมหาศาล
เหรียญ ICO ใหม่ที่แนะนำ
ต่อไป เราจะมาแนะนำ เหรียญ ICO ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูง และอาจจะทำกำไรให้กับคุณได้มหาศาลในอนาคต
1. Solaxy — โซลูชัน Layer 2 เพื่อแก้ปัญหาความแออัดให้กับ Solana
Solaxy กำลังสร้างกระแสในวงการคริปโตด้วยการพัฒนาโซลูชัน Layer 2 สำหรับบล็อกเชน Solana โดยโปรเจกต์นี้สามารถระดมทุนในรอบพรีเซลได้มากกว่า 650,000 ดอลลาร์ จุดเด่นที่สำคัญของ Solaxy คือการใช้เทคโนโลยี Rollups ซึ่งช่วยลดภาระการประมวลผลบนเครือข่ายหลักของ Solana ด้วยการจัดการธุรกรรมนอกเชน ก่อนจะรวบรวมและส่งข้อมูลกลับสู่เครือข่ายหลักเพื่อความปลอดภัย วิธีนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับธุรกรรมจำนวนมากและลดปัญหาคอขวดที่อาจเกิดขึ้นในระบบ
ในส่วนของโทเค็นโนมิกส์ SOLX ซึ่งเป็นโทเค็นหลักของโครงการ มีอุปทานรวมทั้งสิ้น 138 พันล้านโทเค็น การจัดสรรโทเค็นถูกแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ 30% สำหรับการพัฒนาโปรเจกต์, 25% สำหรับรางวัลแก่ชุมชน, 20% เป็นทุนสำรอง, 15% สำหรับการตลาด และอีก 10% ถูกจัดไว้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของตลาด นักลงทุนที่เข้าร่วมในรอบพรีเซลสามารถนำโทเค็นไป Staking เพื่อรับผลตอบแทนได้ โดยให้ผลตอบแทนแบบ APY สูงสุดถึง 2800% ในระหว่างที่โปรเจกต์อยู่ในช่วงพัฒนา
แผนงานหรือโรดแมปของ Solaxy ถูกแบ่งออกเป็น 4 ระยะ เริ่มต้นด้วยการระดมทุนและสร้างฐานชุมชน ตามมาด้วยการเปิดให้ซื้อขายโทเค็น จากนั้นคือการเปิดตัว Layer 2 อย่างเป็นทางการ และปิดท้ายด้วยการขยายระบบนิเวศผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมพรีเซลได้ง่ายๆ เพียงเชื่อมต่อวอลเล็ท Web3 และเลือกชำระเงินด้วย ETH, USDT, BNB หรือแม้แต่บัตรเครดิตผ่านเว็บไซต์พรีเซลของ Solaxy
สำหรับผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าชมรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจกต์ได้ที่เว็บไซต์พรีเซลของ Solaxy รวมถึงติดตามข่าวสารล่าสุดผ่าน X และ Telegram เพื่อไม่พลาดอัปเดตสำคัญของโครงการ
2. Mind of Pepe — AI Agent สุดล้ำที่พร้อมพลิกโฉมวงการคริปโตในปี 2025
Mind of Pepe คือโปรเจกต์คริปโตที่น่าจับตามอง โดยผสมผสานความบันเทิงจากเหรียญมีมเข้ากับ AI สุดอัจฉริยะ ซึ่งระบบ AI ของโปรเจกต์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ฟีเจอร์เด่นของมันครอบคลุมตั้งแต่การจัดการธุรกรรมบนบล็อกเชน การควบคุมกระเป๋าเงินดิจิทัล ไปจนถึงการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่โดยอัตโนมัติ นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับการใช้งาน Altcoin ให้ล้ำหน้ากว่าเดิม
สิ่งที่ทำให้ $MIND โดดเด่นคือระบบ AI ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก โดยสามารถติดตามและประมวลผลข้อมูลจากบัญชี Twitter ของตัวเอง เพื่อค้นหาโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจก่อนที่กระแสจะเกิดขึ้น ข้อมูลสำคัญเหล่านี้จะถูกส่งตรงถึงผู้ถือเหรียญเพื่อช่วยเสริมความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้ถือเหรียญยังสามารถใช้ระบบ Staking ที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เข้าร่วมในช่วงพรีเซล นี่คือโอกาสดีที่นักลงทุนไม่ควรพลาด
การเปิดตัวของ $MIND เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังหันมาสนใจกับการผสานเทคโนโลยี AI และบล็อกเชนเข้าด้วยกัน โดยระบบ AI ในโปรเจกต์ Mind of Pepe มีความสามารถที่น่าสนใจมากมาย เช่น การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด การจัดการธุรกรรมแบบอัตโนมัติ และการเชื่อมต่อกับ dApp ต่างๆ ฟีเจอร์เหล่านี้สะท้อนถึงวิวัฒนาการใหม่ของเหรียญมีมที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความสนุก แต่ยังมุ่งสร้างมูลค่าที่แท้จริงให้กับผู้ถือเหรียญอีกด้วย
3. Best Wallet Token — โทเค็นที่จะช่วยให้คุณเป็นผู้นำในการลงทุนคริปโต
Best Wallet เปิดตัวกระเป๋าเงินคริปโตมาแล้วกว่า 1 ปี และตอนนี้ก็ได้เปิดให้จองซื้อโทเค็นหลัก $BEST ของโปรเจกต์แล้วในช่วงพรีเซลระยะแรก โทเค็นนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือ ผู้ถือจะได้สิทธิพิเศษในการซื้อโทเค็นที่เปิด ICO ใหม่ๆ ก่อนใคร นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น โอกาสในการเข้าถึงโปรเจกต์คริปโตใหม่ การจ่ายค่าธรรมเนียมที่ถูกลง และสิทธิ์ในการร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของแพลตฟอร์ม
นอกจากการซื้อโทเค็น BEST โดยตรงแล้ว คุณยังมีโอกาสได้รับโทเค็นฟรีผ่านกิจกรรมแจกแอร์ดรอปโทเค็นประจำวัน เพียงแค่เชื่อมต่อกระเป๋าเงินและบัญชีโซเชียลมีเดียของคุณ จากนั้นช่วยแนะนำผู้ใช้ใหม่ให้รู้จักกับแพลตฟอร์ม ก็จะได้สิทธิ์ลุ้นรับโทเค็นฟรีๆ ไปเลย
ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของการพรีเซล โทเค็น BEST จะเปิดให้ซื้อได้เฉพาะผ่านแอป Best Wallet เท่านั้น ต่างจากการเปิดขายคริปโตทั่วไปที่มักจะเปิดให้ซื้อได้ผ่านหน้าเว็บไซต์ ซึ่งถึงแม้จะสามารถเลือกใช้กระเป๋าเงินได้หลากหลายกว่า แต่ก็สะดวกสบายน้อยลง
หลังจากติดตั้งแอป Best Wallet เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างบัญชีและเข้าสู่ระบบ จากนั้นเติมเงินเข้ากระเป๋าด้วยเงินคริปโตหรือบัตรธนาคาร แล้วไปที่หน้า “Upcoming Tokens” และเลือก Best Wallet เพื่อเริ่มการซื้อโทเค็น BEST ในราคาพรีเซลได้เลย
4. Meme Index – โปรเจกต์มาใหม่ที่มอบโอกาสเข้าถึงดัชนี Meme หลากหลายรูปแบบ
การติดตามความเคลื่อนไหวและประสิทธิภาพของเหรียญมีมอาจจะเป็นเรื่องซับซ้อนสำหรับนักลงทุนทั่วไป แต่ปัจจุบัน ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขแล้วด้วย Meme Index โปรเจกต์ ICO ที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนในดัชนีเหรียญมีมแบบกระจายศูนย์แห่งแรกของโลกได้ โดยดัชนีนี้มีให้เลือกถึง 4 ประเภทที่แตกต่างกัน แต่ละดัชนีจะรวบรวมเหรียญมีมตามเกณฑ์ต่างๆ เช่น ระดับความผันผวนหรือมูลค่าตลาด ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
โทเค็น Meme Index ($MEMEX) พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว โดยมีราคาที่ถูกมากในช่วงพรีเซล คุณสามารถซื้อได้ผ่านการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินคริปโตของคุณเข้ากับเว็บไซต์พรีเซลอย่างเป็นทางการ หรือสามารถเลือกซื้อผ่าน Best Wallet เพื่อการทำธุรกรรมที่สะดวกยิ่งขึ้นก็ได้เช่นกัน
ในช่วงพรีเซล Meme Index ยังเปิดโอกาสให้ผู้ถือโทเค็นสามารถ Staking โทเค็น $MEMEX เพื่อรับผลตอบแทนต่อปี (APY) ที่สูงถึง 961% อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนนี้จะค่อยๆ ลดลงเมื่อโทเค็นเข้าสู่ช่วงพรีเซลในขั้นถัดไป และใกล้เข้าสู่กระบวนการจดทะเบียนบนตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ การลงทุนตั้งแต่ช่วงแรกจึงช่วยให้คุณได้รับ APY ที่ดีกว่ามาก
นอกจากนี้ Meme Index ยังมอบความได้เปรียบเพิ่มเติมด้วยการอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถ Stake โทเค็น $MEMEX ของตนในดัชนีใดก็ได้ และยังสามารถ Stake พร้อมกันในทั้ง 4 ดัชนีเพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มศักยภาพในการรับผลตอบแทนสูงสุดได้อีกด้วย ด้วยฟีเจอร์ที่ครอบคลุมเหล่านี้ Meme Index ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเหรียญมีม พร้อมมอบโอกาสที่หลากหลายให้กับผู้ลงทุนในโลกคริปโต
5. Wall Street Pepe – เครื่องมือวิเคราะห์ตลาดคริปโตสำหรับนักลงทุนระดับสูง
Wall Street Pepe มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเทรดระดับมืออาชีพให้กับนักลงทุน ด้วยการวิเคราะห์ตลาดและการคาดการณ์แนวโน้มที่แม่นยำ เช่นเดียวกับ Wall Street ที่มีชื่อเสียงในนิวยอร์ก คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้โดยการถือโทเค็น WEPE ซึ่งจะทำให้คุณได้เข้าร่วมชุมชนการเทรดพิเศษและมีโอกาสรับรางวัลต่างๆ ตอนนี้ เป็นจังหวะที่ดีที่สุดในการลงทุน เนื่องจากโปรเจกต์พึ่งจะมีการเปิดช่วง ICO ไปเมื่อไม่นานมานี้
โปรเจกต์กำลังอยู่ในช่วงพรีเซล ซึ่งเป็นโอกาสที่คุณจะได้ซื้อในราคาที่ถูกที่สุด โปรเจกต์นี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากแพลตฟอร์มคริปโตชั้นนำมากกว่า 20 แห่ง และมียอดผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอดระดมทุนแล้วกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์ หลังจากเปิดให้ระดมทุนไปได้ไม่กี่วัน และมีแนวโน้มว่าการซื้อยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เป้าหมายของ Wall Street Pepe คือการสร้างชุมชนนักลงทุนรายใหญ่ที่มีอิทธิพลในตลาดเหรียญมีม สมาชิกจะได้เรียนรู้เทคนิคการเทรดระดับมืออาชีพและได้รับข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า จุดเด่นของโปรเจกต์คือการที่ผู้เชี่ยวชาญในชุมชนร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
ตอนนี้ คุณสามารถซื้อโทเค็น WEPE ได้ผ่านแอป Best Wallet บนมือถือ โดยมีทั้งหมด 6 หมื่นล้านโทเค็นที่พร้อมจำหน่ายในช่วงพรีเซล และเมื่อซื้อแล้วคุณสามารถนำไป Staking เพื่อรับสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมได้อีกด้วย
6. Catslap – เหรียญมีมแมวตัวใหม่ที่กำลังมาแรง
CatSlap เริ่มสร้างปรากฏการณ์ในวงการคริปโตอย่างรวดเร็ว ด้วยยอดขายที่ทะลุ 1 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 5 วันหลังเปิดตัว จุดเด่นที่ดึงดูดนักลงทุนคือระบบ Staking ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 40% ต่อปี ทำให้ผู้ถือครองส่วนใหญ่เลือกที่จะล็อคโทเค็นไว้เพื่อรับผลประโยชน์นี้
ปัจจุบัน คุณสามารถซื้อ CatSlap ได้ผ่านทั้ง IDO (ซื้อผ่าน DEX) และ ICO โดยการซื้อผ่านแอป Best Wallet หรือหากคุณใช้กระเป๋าเงิน Metamask หรือ Coinbase Wallet ก็สามารถเชื่อมต่อกับเว็บไซต์หลักเพื่อแลกเปลี่ยนได้โดยตรง โดยใช้ ETH หรือ USDT ในการซื้อ
การจัดสรรโทเค็น $SLAP ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้ผู้ถือครอง โดยจะจัดสรร 30% ไว้เป็นรางวัลสำหรับการ Staking และ กิจกรรมของชุมชน 50% ไว้สำหรับเป็นสภาพคล่องในตลาด และ 20% ที่เหลือแบ่งเท่าๆ กันระหว่างการพัฒนาโครงการและทีมงาน โดยมีจำนวนอุปทานโทเค็นทั้งหมด 9 พันล้านโทเค็น
ความสำเร็จอย่างรวดเร็วของ CatSlap ทำให้มันมีศักยภาพที่จะขึ้นแซงหน้าเหรียญมีมแมวชื่อดังรายอื่นๆ อย่าง MOG และ POPCAT อย่างไรก็ตาม คุณควรที่จะศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่อาจจะส่งผลต่อราคาโทเค็นให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
วิธีการลงทุนในเหรียญ ICO
การลงทุนในเหรียญ ICO นั้นไม่ยุ่งยาก แต่คุณควรทำความเข้าใจขั้นตอนต่างๆ ให้ดีเพื่อความปลอดภัยของเงินลงทุนของคุณ
ขั้นที่ 1 – เลือกเหรียญ ICO ที่น่าสนใจ
เริ่มจากการค้นหาโปรเจกต์คริปโตที่มีศักยภาพโดยดูจากปฏิทิน ICO ที่หน้าเว็บไซต์ของเรา แล้วเลือกโปรเจกต์ที่ตรงกับความต้องการของคุณ จากนั้น เข้าไปศึกษาข้อมูลในเว็บไซต์ของโปรเจกต์
ซึ่งควรแสดงรายละเอียดต่างๆ ที่สำคัญ เช่น คอนเซปต์ของโปรเจกต์ ประโยชน์การใช้งาน ราคาโทเค็น และระยะเวลาขาย นอกจากนี้ ควรตรวจสอบด้วยว่า โปรเจกต์รับชำระด้วยสกุลเงินคริปโตใดบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะรับชำระด้วย USDT และ ETH หรือถ้าเป็น ICO บน Binance ก็อาจจะต้องใช้ BNB เป็นต้น
ขั้นที่ 2 – เตรียมเหรียญคริปโตสำหรับซื้อ
คุณจะต้องมีเหรียญคริปโตที่โปรเจกต์รองรับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ETH หรือ Stablecoins อย่าง USDT, USDC หรือ BUSD โดยสามารถดูได้จากหน้าพรีเซลว่ารับเหรียญอะไรบ้าง บางโปรเจกต์อาจจะต้องซื้อผ่านกระดานเทรดโดยเฉพาะ (เรียกว่า IDO แต่บางครั้งก็จะใช้สลับกับ ICO)
ขั้นที่ 3 – โอนเหรียญจากกระเป๋าเงินคริปโตของคุณไปยังเว็บไซต์พรีเซลเพื่อทำการซื้อ
หลังจากที่เตรียมสกุลเงินคริปโตไว้แล้ว ให้ทำการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณเข้ากับเว็บไซต์พรีเซลของโปรเจกต์ จากนั้น ส่งเหรียญของคุณไปยังเว็บไซต์เพื่อทำการซื้อให้สำเร็จ จากนั้น คุณก้จะได้รับเหรียญจากการพรีเซล อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของการรับเหรียญนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับที่โปรเจกต์นั้นๆ วางเอาไว้ เช่น รับได้หลังจากจบช่วงพรีเซล หรือ ต้องล็อกเหรียญไว้ในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันการเทขาย เป็นต้น
นอกจากนี้ ในปัจจุบัน เรายังสามารถซื้อโทเค็น ICO ได้จากกระเป๋าเงินคริปโตโดยตรง เช่น Best Wallet ที่จะเปิดให้โปรเจกต์ต่างๆ ได้สมัครเข้าร่วมเพื่อเปิดให้ซื้อได้ก่อนใครบนกระเป๋าเงินโดยตรง ช่วยให้ผู้ใช้งานมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ลงทุนในเหรียญ ICO อย่างไรให้ปลอดภัย
การลงทุนในโปรเจกต์ ICO ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นอาจจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ แต่นั่นก็มาพร้อมความเสี่ยง การลงทุนอย่างปลอดภัยจึงต้องพิจารณาหลายๆ ปัจจัยต่อไปนี้อย่างรอบคอบ:
- การยืนยันตัวตน (KYC) — หลายๆ โปรเจกต์ ICO ต้องการให้นักลงทุนยืนยันตัวตนตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน การลงทุนในโปรเจกต์ที่มีระบบ KYC จึงจะมีความปลอดภัยมากกว่า เพราะทุกคนต้องแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันว่าพวกเขาเป็นนักลงทุนตัวจริง
- การตรวจสอบ Smart Contract — สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมการซื้อขายโทเค็น การเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกตรวจสอบจะช่วยยืนยันว่าระบบมีความปลอดภัย ไม่มีช่องโหว่หรือโค้ดที่เป็นอันตราย การลงทุนในโปรเจกต์ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบอาจจะทำให้สูญเสียเงินได้
- โทเค็นโนมิกส์ — นักลงทุนควรเข้าใจระบบการทำงานของโทเค็น ทั้งจำนวนอุปทานโทเค็นทั้งหมด วิธีการจัดสรร และการนำไปใช้งาน เพราะระบบที่ไม่สมดุลอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น โทเค็นล้นตลาด ซึ่งจะส่งผลต่อราคา
- เอกสารไวท์เปเปอร์ — เอกสารไวท์เปเปอร์จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิด เทคโนโลยี และแผนงานในอนาคต การศึกษาเอกสารเหล่านี้จะช่วยให้ประเมินได้ว่าโปรเจกต์จะมีโอกาสประสบความสำเร็จแค่ไหน
- ทีมผู้พัฒนา — ควรดูประวัติ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสของทีมงาน ทีมพัฒนาที่มีผลงานที่ดี มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน และสื่อสารกับชุมชนสม่ำเสมอ มักจะเป็นสัญญาณที่ดี
- การปฏิบัติตามกฎหมาย — สุดท้าย ต้องแน่ใจว่าโปรเจกต์ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายของแต่ละประเทศ เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและการถูกหลอกลวง
การลงทุนใน ICO อย่างปลอดภัยควรที่จะต้องตรวจสอบในทุกๆ ด้านที่กล่าวมา เพื่อช่วยในการลดความเสี่ยงและเลือกโปรเจกต์ที่มีศักยภาพอย่างแท้จริงในตลาดคริปโตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
โปรเจกต์เหรียญ ICO ใหม่ๆ เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน?
ในวงการคริปโตในปัจจุบัน มีโปรเจกต์ ICO หรือ การระดมทุนเหรียญใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกอาทิตย์ บางโปรเจกต์ก็จัดระดมทุนแค่ 1-2 สัปดาห์ แต่บางโปรเจกต์ก็อาจจะใช้เวลาหลายเดือน ทำให้นักลงทุนมีตัวเลือกให้พิจารณามากมาย อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่แท้จริงก็คือ การแยกแยะว่า ICO Crypto เหล่านี้ มีโปรเจกต์ไหนที่ถูกกฎหมายและมีโอกาสประสบความสำเร็จจริงบ้าง
ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในเหรียญ ICO ใดๆ เราควรที่จะศึกษาไวท์เปเปอร์ของโปรเจกต์ให้ละเอียด ตรวจสอบประวัติและความน่าเชื่อถือของทีมผู้พัฒนา เข้าไปมีส่วนร่วมในชุมชนออนไลน์ของโปรเจกต์ และวิเคราะห์โทเค็นโนมิกส์ของโปรเจกต์ให้ดีว่า มันจะมีความยั่งยืนหรือไม่ และสุดท้าย เพื่อความสะดวกของตัวคุณเอง คุณสามารถดูรายชื่อโปรเจกต์ ICO ที่ผ่านการคัดกรองจากทีมงานของเราแล้ว เพื่อค้นหาโปรเจกต์ที่น่าสนใจได้อย่างทันควัน