ลงทุนบิทคอยน์ เริ่มต้นง่ายๆ: ซื้อบิทคอยน์ 100 บาท & เลือกแอพที่ใช่!

ทำไมถึงเราจึงน่าเชื่อถือ?
ทำไมถึงเราจึงน่าเชื่อถือ?

การลงทุนในบิทคอยน์ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่อย่างที่หลายคนเข้าใจ คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียง 100 บาท เพื่อเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

ปัจจุบัน มีแอพซื้อขายบิทคอยน์ให้เลือกมากมาย แต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจทางเลือกต่างๆ พร้อมเทคนิคการเริ่มต้นลงทุนแบบมือใหม่ ในระหว่างที่คุณยังมีเงินทุนเริ่มต้นไม่มาก

ลงทุนบิทคอยน์คืออะไร ทำไมถึงน่าสนใจ และเริ่มต้นซื้อบิทคอยน์ 100 บาทได้อย่างไร?

บิทคอยน์ (Bitcoin) คือสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์รายแรกของโลกที่ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 เพื่อเป็นระบบการเงินทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพาธนาคารหรือตัวกลางใดๆ บิทคอยน์ให้อำนาจแก่ผู้ใช้งานในการควบคุมสินทรัพย์ของตนเองอย่างแท้จริง โดยไม่มีองค์กรหรือรัฐบาลใดที่สามารถยึดหรือควบคุมได้ (bitcoin.org)

การลงทุนในบิทคอยน์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นด้วยเหตุผลหลายข้อดังนี้:

  1. ศักยภาพในการเติบโต – ตลอดประวัติศาสตร์ บิทคอยน์มีการเติบโตอย่างมากเมื่อมองในระยะยาว แม้จะมีความผันผวนในระยะสั้น
  2. การป้องกันเงินเฟ้อ – บิทคอยน์มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถ “พิมพ์” เพิ่มได้เหมือนเงินทั่วไป จึงเป็นทางเลือกในการป้องกันเงินเฟ้อ
  3. ความเป็นอิสระทางการเงิน – บิทคอยน์ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของและควบคุมสินทรัพย์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินใดๆ
  4. การยอมรับที่เพิ่มขึ้น – บริษัทและสถาบันขนาดใหญ่เริ่มยอมรับและลงทุนในบิทคอยน์มากขึ้น ทำให้มีความน่าเชื่อถือและแพร่หลายยิ่งขึ้น

ทำไมการลงทุนบิทคอยน์จำนวนน้อยถึงเป็นแนวคิดที่ดี

หลายคนเข้าใจผิดว่าการลงทุนในบิทคอยน์ต้องใช้เงินจำนวนมาก และมักจะหันไปลงทุนในเหรียญมีมที่มีราคาต่ำแทน แต่ความจริงแล้ว คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียงแค่ไม่กี่บาทเท่านั้น เนื่องจากบิทคอยน์สามารถแบ่งย่อยเป็นเศษส่วนได้ถึง 0.00000001 BTC (หรือ 1 Satoshi)

การเริ่มลงทุนด้วยจำนวนเล็กน้อยมีข้อดีหลายๆ ประการ เช่น

  • ลดความเสี่ยง – คุณสามารถทดลองลงทุนโดยไม่ต้องกังวลว่าจะสูญเสียเงินจำนวนมาก
  • เรียนรู้จากประสบการณ์ – ได้เรียนรู้วิธีการซื้อ ขาย และเก็บรักษาคริปโตโดยใช้เงินจริง
  • สร้างวินัยการลงทุน – เริ่มต้นสะสมทีละเล็กทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอด้วยการซื้อแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Averaging)
  • โอกาสเติบโตในระยะยาว – แม้จะเริ่มต้นด้วยเงินน้อย แต่หากบิทคอยน์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต การลงทุนเริ่มต้นของคุณก็มีโอกาสเติบโตตามไปด้วย

หนึ่งในวิธีการลงทุนในบิทคอยน์ที่ง่ายที่สุดเลยก็คือ การซื้อโดยตรงผ่านกระเป๋าเงินที่รองรับ เช่น BestWallet.com ซึ่งเป็นหนึ่งในกระเป๋าเงิน Web3 ที่ใช้งานง่ายและรองรับการซื้อบิทคอยน์หรือสกุลเงินคริปโตต่างๆ ได้ด้วยจำนวนเงินไม่มาก

Best Wallet เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่ เนื่องจากมีระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง รองรับมากกว่า 60 บล็อกเชน และใช้งานง่ายแม้สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านคริปโต อีกทั้งไม่จำเป็นต้องผ่านการทำ KYC ทำให้เริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

แต่ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการซื้อบิทคอยน์ด้วย Best Wallet เราไปดูกันก่อนดีกว่าว่า สำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทย มีแอพบิทคอยน์ใดบ้างที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุน

แอพบิทคอยน์ไหนดี? เปรียบเทียบฟีเจอร์ ค่าธรรมเนียม และความปลอดภัยในการซื้อขายบิทคอยน์

ปัจจุบันการซื้อขายบิทคอยน์เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย ทำให้มีแอพบิทคอยน์หลากหลายให้เลือกใช้งาน ต่อไป เราจะมาช่วยเปรียบเทียบแอพยอดนิยมสำหรับซื้อขายบิทคอยน์ เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกแอพที่เหมาะสมได้กับความต้องการของคุณ

แอพซื้อขายบิทคอยน์ยอดนิยมในไทย

Bitkub

bitkub logo

แพลตฟอร์มซื้อขายบิทคอยน์และคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในไทย มีสภาพคล่องสูง รองรับเหรียญกว่า 160+ สกุล ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล สะดวกในการฝากถอนเงินบาทผ่านพร้อมเพย์ เหมาะสำหรับมือใหม่และนักลงทุนชาวไทย

Binance TH

Binance_logo

เวอร์ชันไทยของ Binance ที่เป็นแพลตฟอร์มคริปโตระดับโลก ปรับให้เข้ากับตลาดไทย มีค่าธรรมเนียมต่ำ รองรับการฝากถอนเงินบาท และเชื่อมต่อกับระบบนิเวศของ Binance ที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ทั้ง Spot Trading, Futures, Staking และ Earn ผ่านการรับรองจาก ก.ล.ต. ไทย

Orbix

orbix logo

แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตสัญชาติไทยที่เน้นความง่ายในการใช้งาน เปลี่ยนชื่อมาจาก Satang Pro ที่เป็นที่รู้จักกันดีหลังจากถูกเทคโอเวอร์จากธนาคารกสิกรไทย ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. มีเหรียญให้เลือกซื้อขายประมาณ 45+ สกุล ระบบการฝากถอนเงินบาทสะดวก มีบริการ OTC สำหรับการซื้อขายวงเงินสูง แม้จะมีสภาพคล่องน้อยกว่า Bitkub แต่มีจุดเด่นด้านอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย

Bitazza Thailand

bitazza logo

แพลตฟอร์มไทยที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่รองรับเหรียญคริปโตประมาณ 90 สกุล มีระบบลดค่าธรรมเนียมตามปริมาณการซื้อขาย และมีบริการ Staking เพื่อรับผลตอบแทนจากการถือครองเหรียญ

เปรียบเทียบแอพบิทคอยน์ยอดนิยมในไทย

แอพบิทคอยน์ ฟีเจอร์หลัก ค่าธรรมเนียม ความปลอดภัย ข้อดี ข้อเสีย
Bitkub – ซื้อขายเหรียญกว่า 160+ สกุล<br>- รองรับสกุลเงินบาท<br>- มีแอพมือถือและเว็บไซต์ – ค่าธรรมเนียมซื้อขาย 0.25%<br>- ค่าธรรมเนียมถอนขึ้นอยู่กับเหรียญ – KYC แบบไทย<br>- การยืนยันตัวตน 2 ชั้น<br>- ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. – เป็นแพลตฟอร์มของไทย<br>- สภาพคล่องสูง<br>- รองรับการโอนผ่านพร้อมเพย์ – ราคาเหรียญอาจสูงกว่าตลาดโลก<br>- บางครั้งระบบมีปัญหาในช่วงตลาดผันผวน
Binance TH – ซื้อขายเหรียญมากกว่า 900+ สกุล<br>- ระบบเทรดหลากหลาย<br>- มีฟีเจอร์ Earn, Staking – ค่าธรรมเนียมซื้อขาย 0.1% สำหรับคู่คริปโต/คริปโต 0.25% สำหรับคู่เงินบาท/คริปโต<br>- ลดได้ถ้าใช้ BNB – KYC สากล<br>- การยืนยันตัวตน 2 ชั้น<br>- ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. – สภาพคล่องสูงมาก<br>- ค่าธรรมเนียมต่ำ<br>- มีฟีเจอร์ครบครัน – อินเตอร์เฟซซับซ้อนสำหรับมือใหม่
Orbix – ซื้อขายเหรียญประมาณ 45+ ชนิด<br>- รองรับสกุลเงินบาท<br>- มีระบบ OTC สำหรับเทรดวงเงินสูง – ค่าธรรมเนียมซื้อขาย 0.25%<br>- ค่าธรรมเนียมถอนต่ำกว่าบางแพลตฟอร์ม – KYC แบบไทย<br>- การยืนยันตัวตน 2 ชั้น<br>- ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. – อินเตอร์เฟซใช้งานง่าย<br>- ฝากถอนเงินบาทสะดวก – สภาพคล่องน้อยกว่า Bitkub<br>- เหรียญให้เลือกน้อยกว่า
Bitazza Thailand – ซื้อขายเหรียญประมาณ 90+ สกุล<br>- มีบริการ OTC – ค่าธรรมเนียมซื้อขาย 0.25%<br>- ลดได้ถ้าใช้ BTZ – KYC แบบไทย<br>- การยืนยันตัวตน 2 ชั้น<br>- ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. – ใช้งานง่าย<br>- มีระบบ Staking เพื่อสร้างรายได้เสริมได้ – สภาพคล่องยังน้อยกว่าแพลตฟอร์มใหญ่ๆ<br>- ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

กระเป๋าเงินดิจิทัลที่สามารถซื้อบิทคอยน์ได้โดยตรง

นอกเหนือจากการซื้อขายบิทคอยน์ผ่านตลาดซื้อขายคริปโตทั้งแบบรวมศูนย์ (CEX) และกระจายศูนย์ (DEX) แล้ว ปัจจุบันยังมีกระเป๋าเงินดิจิทัลหลายแพลตฟอร์มที่รองรับการซื้อบิทคอยน์ได้โดยตรงภายในแอพเดียว ทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อ จัดเก็บและบริหารจัดการสินทรัพย์คริปโตได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยไม่ต้องโอนย้ายสินทรัพย์ระหว่างแพลตฟอร์ม ลดความเสี่ยงและค่าธรรมเนียมในการโอนย้าย ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมคีย์ส่วนตัวของตนเอง แต่ยังต้องการความสะดวกในการซื้อขายเหรียญคริปโต

metamask logo

MetaMask — แม้จะเป็นที่รู้จักในฐานะกระเป๋าเงิน Ethereum ที่ดีที่สุด แต่ปัจจุบันก็รองรับการซื้อบิทคอยน์ในรูปแบบของ WBTC (จะรองรับบิทคอยน์อย่างเต็มรูปแบบในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025) นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถใช้บัตรเครดิตหรือโอนเงินผ่านธนาคารเพื่อซื้อสกุลเงินคริปโตต่างๆ ได้โดยตรง

trust wallet logo

Trust Wallet — เป็นกระเป๋าเงินที่รองรับสกุลเงินคริปโตหลากหลาย รวมถึงบิทคอยน์ เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อบิทคอยน์ได้โดยตรง พร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงและการยืนยันตัวตนหลายชั้น

best wallet logo

Best Wallet — นำเสนอระบบนิเวศที่ครอบคลุม โดยรองรับการซื้อขายบิทคอยน์และเหรียญคริปโตมากกว่า 1,000 สกุล บนเครือข่ายบล็อกเชนมากกว่า 60 เชน พร้อมฟีเจอร์ DEX ในตัวที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากแอพ ข้อดีหลักๆ ของ Best Wallet คือการรองรับผู้ให้บริการชำระเงินแบบ Local หลายรายอีกด้วย ถือเป็นหนึ่งใน Bitcoin Wallet ที่ดีที่สุด

ปัจจัยในการเลือกแอพบิทคอยน์

การเลือกแอพบิทคอยน์ที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการลงทุนคริปโต ผู้ลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ:

  1. ค่าธรรมเนียม: ควรพิจารณาทั้งค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าธุรกรรม และค่าธรรมเนียมการถอนซึ่งมักคิดเป็นจำนวนคงที่ บางแพลตฟอร์มมีโปรแกรมลดหย่อนค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงหรือถือครองโทเค็นของแพลตฟอร์ม
  2. ความปลอดภัย: เลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. มีประวัติการดำเนินงานที่น่าเชื่อถือ และมีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น เช่น การยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA) การเก็บสินทรัพย์ในกระเป๋าเย็น (Cold Storage) และการประกันภัยสินทรัพย์ดิจิทัล
  3. สภาพคล่อง: แพลตฟอร์มที่มีสภาพคล่องสูงจะมีช่องว่างระหว่างราคาเสนอซื้อและเสนอขายที่แคบกว่า ทำให้สามารถซื้อขายในปริมาณมากโดยไม่กระทบราคามากนัก โดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวน สภาพคล่องที่ดีช่วยให้เข้าหรือออกจากตำแหน่งได้รวดเร็วในราคาที่เป็นธรรม
  4. ความง่ายในการใช้งาน: แพลตฟอร์มที่ดีควรมีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีแดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลพอร์ตโฟลิโอและประวัติการซื้อขายอย่างชัดเจน รวมถึงรองรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้มีประสบการณ์
  5. การสนับสนุนลูกค้า: เลือกแพลตฟอร์มที่มีช่องทางติดต่อหลากหลาย เช่น แชทสด อีเมล หรือโทรศัพท์ มีเจ้าหน้าที่ที่ตอบสนองรวดเร็วและใช้ภาษาไทยได้ รวมถึงมีศูนย์ช่วยเหลือที่ครอบคลุมคำถามทั่วไป
  6. ฟีเจอร์เพิ่มเติม: พิจารณาบริการเสริมเช่น Staking เพื่อรับผลตอบแทนเพิ่มเติม บริการให้กู้ยืมสินทรัพย์ การซื้อขายอนุพันธ์คริปโต หรือบัตรเดบิตที่เชื่อมต่อกับบัญชีคริปโต ซึ่งช่วยให้คุณสามารถทำกิจกรรมทางการเงินได้หลากหลายบนแพลตฟอร์มเดียว
  7. การรองรับสกุลเงินคริปโต: ควรเลือกแพลตฟอร์มที่รองรับทั้งเหรียญหลักอย่าง Bitcoin และ Ethereum รวมถึง เหรียญ Altcoins ที่น่าสนใจ การมีเหรียญให้เลือกหลากหลายช่วยให้กระจายการลงทุนได้ดีขึ้น
  8. ตัวเลือกในการฝากถอนเงินบาท: พิจารณาแพลตฟอร์มที่รองรับวิธีการฝากเงินที่หลากหลาย เช่น โอนเงินผ่านธนาคาร พร้อมเพย์ หรือบัตรเครดิต รวมถึงเวลาประมวลผลและวงเงินสูงสุดในการทำธุรกรรม

วิธีการเลือกแพลตฟอร์มซื้อขายบิทคอยน์ที่น่าเชื่อถือ และเทคนิคการเทรดบิทคอยน์เบื้องต้น

การซื้อขายบิทคอยน์เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่สำหรับมือใหม่ การก้าวเข้าสู่โลกของสกุลเงินดิจิทัลอาจจะดูเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและท้าทาย ความสำเร็จในการเทรดบิทคอยน์นั้นเริ่มต้นมาจากการเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและมีความปลอดภัยสูง ควบคู่ไปกับความเข้าใจในเทคนิคการวิเคราะห์และกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม

ต่อไป เราจะมาแนะนำปัจจัยสำคัญในการเลือกแพลตฟอร์มและเทคนิคพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นเทรดบิทคอยน์ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

การเลือกแพลตฟอร์มซื้อขายบิทคอยน์ที่เหมาะสม

การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มเทรดบิทคอยน์ ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณามีดังนี้:

ใบอนุญาตและการกำกับดูแล

แพลตฟอร์มที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ควรตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มนั้นปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงินในประเทศที่คุณอาศัยอยู่

สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขาย

แพลตฟอร์มที่มีสภาพคล่องสูงและปริมาณการซื้อขายมากจะช่วยให้คุณสามารถซื้อขายบิทคอยน์ได้ในราคาที่เป็นธรรมและมีโอกาสที่คำสั่งซื้อขายของคุณจะได้รับการจับคู่อย่างรวดเร็ว

ความปลอดภัยของระบบ

ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น:

  • การยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น (2FA)
  • การเก็บสินทรัพย์ส่วนใหญ่ในกระเป๋าออฟไลน์ (Cold Storage)
  • ประวัติด้านความปลอดภัยที่ดี ไม่เคยถูกแฮ็กหรือมีประวัติการสูญหายของเงินลูกค้า

ค่าธรรมเนียมและโครงสร้างราคา

แต่ละแพลตฟอร์มมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ควรพิจารณาค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย การฝาก-ถอนเงิน และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อผลกำไรโดยรวมของคุณ

การรองรับการใช้งานและความสะดวก

อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและมีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์การเทรดที่ครบครันจะช่วยให้ประสบการณ์การซื้อขายบิทคอยน์ของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น รวมถึงการมีแอปพลิเคชันบนมือถือที่ใช้งานสะดวก

การเลือกแพลตฟอร์มซื้อขายบิทคอยน์ที่เหมาะสมเป็นรากฐานสำคัญของการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุนควรใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบตัวเลือกต่างๆ โดยคำนึงถึงความต้องการและเป้าหมายของพวกเขา รวมถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ แพลตฟอร์มที่ดีไม่เพียงแต่ให้ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือเท่านั้น แต่ยังควรมีเครื่องมือและทรัพยากรที่จะสนับสนุนการเติบโตของคุณในฐานะนักเทรดบิทคอยน์อีกด้วย

เทคนิคการเทรดบิทคอยน์เบื้องต้น

เทคนิคการเทรดบิทคอยน์เบื้องต้น

เมื่อคุณเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมได้แล้ว สิ่งต่อไปที่ควรเรียนรู้ก็คือเทคนิคพื้นฐานในการลงทุนในบิทคอยน์ สำหรับมือใหม่แล้ว มีเทคนิคบางประการที่ไม่ซับซ้อนที่จะช่วยให้คุณทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการเทรดหรือการลงทุนในสกุลเงินคริปโต เพื่อใช้เป็นรากฐานสำหรับการเรียนรู้เพิ่มเติมในอนาคตได้

1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคเบื้องต้น

1.1 ดูแนวรับแนวต้าน

การวิเคราะห์แนวรับแนวต้านในกราฟราคาคริปโตป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักลงทุน แนวรับเปรียบเสมือนเส้นกำแพงที่ช่วยชะลอการตกของราคา เป็นบริเวณที่มักมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นเมื่อราคาร่วงลงมาถึง ทำให้ราคามักจะไม่ดิ่งลงต่ำกว่าจุดนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าเมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับเป็นจังหวะดีในการสะสมเพิ่ม หากราคาทะลุแนวรับลงไป จะเป็นการบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของทิศทางตลาด และแนวรับที่ถูกทะลุมักจะปรับบทบาทกลายเป็นแนวต้านในอนาคต

ส่วนแนวต้านนั้นจะทำหน้าที่ตรงข้ามกับแนวรับ โดยเป็นระดับที่สกัดไม่ให้ราคาพุ่งสูงขึ้นไปอีก เปรียบได้กับเพดานที่จำกัดการเติบโตของราคา เมื่อราคาขยับขึ้นมาถึงแนวต้าน มักจะเกิดแรงขายออกมามากเนื่องจากนักลงทุนต้องการขายเพื่อทำกำไร พวกเขามองว่าราคา ณ จุดนี้อยู่ในระดับที่สูงพอสำหรับการขายแล้ว หากบิทคอยน์สามารถฝ่าฟันแนวต้านขึ้นไปได้ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และแนวต้านเดิมมักจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นแนวรับใหม่ในการเคลื่อนไหวครั้งถัดไป

1.2 ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่มักจะมีให้เลือกใช้งานในแพลตฟอร์มเทรดต่างๆ โดยจะคำนวณจากค่าเฉลี่ยราคาในช่วงเวลาที่กำหนด ตัวอย่างเช่น MA50 (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน) นิยมใช้ในการระบุทิศทางตลาดในระยะกลางช่วง 1-3 เดือน ส่วน MA200 (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน) จะบ่งบอกถึงแนวโน้มระยะยาวในกรอบ 6-12 เดือน เส้นเหล่านี้จะช่วยกรองความผันผวนระยะสั้นออกไป ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นทิศทางหลักของราคาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

สัญญาณจากเส้น MA ที่นักเทรดให้ความสำคัญก็คือ “Golden Cross” ซึ่งเป็นการตัดกันของเส้น MA ระยะสั้น “ตัดขึ้น” ไปเหนือเส้น MA ระยะยาว บ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและมักจะเป็นสัญญาณเข้าซื้อ และ “Death Cross” ที่เป็นการตัดกันของเส้น MA ระยะสั้น “ตัดลง” ต่ำกว่าเส้น MA ระยะยาว ส่งสัญญาณขายที่อาจจะบ่งบอกถึงแนวโน้มตลาดขาลง โดยนักเทรดมักจะใช้สัญญาณเหล่านี้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อยืนยันการเข้าซื้อหรือขายสินทรัพย์ออกไป

2. จัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

2.1 กำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit

จุด Stop Loss คือระดับราคาที่นักลงทุนจะต้องกำหนดไว้เพื่อจำกัดความเสียหาย หากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับที่คาดการณ์ไว้ เมื่อราคาถึงจุดนี้ ระบบจะทำการขายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติ ช่วยป้องกันไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป

ส่วนจุด Take Profit คือจุดที่นักลงทุนตั้งไว้เพื่อทำกำไรเมื่อราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ต้องการ เช่น เมื่อราคาบิทคอยน์ขึ้นไปถึงระดับที่กำหนด ระบบจะทำการขายทำกำไรให้โดยอัตโนมัติ (ก่อนที่มันจะร่วงลงมาต่ำกว่าจุดที่เรากำหนดในภายหลัง) ช่วยให้นักลงทุนรักษาผลกำไรไว้ได้โดยไม่ต้องคอยเฝ้าหน้าจอ

2.2 จำกัดเงินลงทุนของคุณ

หนึ่งในวิธีการจำกัดความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ การจำกัดเงินทุนที่คุณสามารถลงทุนได้ โดยอาจจะจำกัดไว้ที่ 1-5% ของเงินทุนทั้งหมด หลักการนี้ช่วยป้องกันเงินทุนจากความผันผวนของตลาดบิทคอยน์ และทำให้นักลงทุนสามารถทนต่อการขาดทุนติดต่อกันหลายครั้งได้โดยไม่สูญเสียเงินทุนไปทั้งหมดในคราวเดียว

3. กลยุทธ์การซื้อขายบิทคอยน์ที่เหมาะสำหรับมือใหม่

Dollar-Cost Averaging (DCA) หรือ การซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุน เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำสำหรับมือใหม่ โดยจะเป็นวิธีการซื้อบิทคอยน์ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ (เช่น 6 เดือน หรือ 1 ปี) โดยไม่คำนึงว่าราคาขณะนั้นจะเป็นเท่าใด

ข้อดีของการทำ DCA ก็คือ มันจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคา เนื่องจากบางครั้งคุณจะซื้อในราคาสูง บางครั้งก็ซื้อในราคาต่ำ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยที่ซื้อมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพยายามจับจังหวะตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและเหมาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ในวงการคริปโต

>>คำเตือนสำหรับผู้เริ่มต้นเทรดบิทคอยน์<<

การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงได้ ดังนั้น จึงควรระลึกไว้เสมอว่า:

  • ไม่ควรลงทุนด้วยเงินที่คุณไม่สามารถสูญเสียได้
  • ศึกษาและทำความเข้าใจตลาดก่อนเริ่มต้นเทรด
  • อย่าตัดสินใจซื้อขายด้วยอารมณ์หรือความโลภ
  • ควรเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนจำนวนน้อยเพื่อเรียนรู้และสร้างประสบการณ์

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพียงอย่างเดียว เรามีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณลงทุนในบิทคอยน์ได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก

ขั้นตอนการทดลองซื้อบิทคอยน์ด้วยเงิน 1000 บาท ผ่านแอพ BestWallet.com อย่างละเอียด

Best Wallet เป็นแอพ Crypto Wallet ที่กำลังได้รับความนิยมในปี 2025 โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบิทคอยน์อย่างง่ายดายและปลอดภัย

ข้อดีของกระเป๋าเงินนี้ก็คือ ซื้อบิทคอยน์ได้จากในกระเป๋าเงินโดยตรง พร้อมมีตัวเลือกผู้ให้บริการชำระเงินให้เลือกมากมาย (เช่น จ่ายผ่านบัตรเดบิต/เครดิต หรือสแกนจ่ายผ่านแอปธนาคาร) ไม่ต้องทำ KYC (การยืนยันตัวตน) จึงรักษาความเป็นส่วนตัวได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นกระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial คุณจึงสามารถควบคุม Private Keys ของคุณได้อย่างเต็มสมบูรณ์

ต่อไปนี้คือขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณซื้อบิทคอยน์ได้ด้วยจำนวนเงินไม่เกิน 1000 บาท

ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ Best Wallet

  1. เลือกดาวน์โหลดแอพ Best Wallet ได้ตามระบบปฏิบัติการของคุณ:
  • สำหรับ Android: ดาวน์โหลดจาก Google Play Store
  • สำหรับ iOS: ดาวน์โหลดจาก App Store
  1. กดปุ่ม “ติดตั้ง” และรอให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์

ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ Best Wallet

ขั้นตอนที่ 2: สร้างบัญชีกระเป๋าเงินของคุณ

  1. เปิดแอพ Best Wallet ที่ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว
  2. เลือกวิธีสมัครบัญชี:
  • กรอกอีเมลของคุณในช่องที่กำหนด หรือ
  • เลือกดำเนินการต่อด้วยบัญชี Apple หรือ Google ที่มีอยู่แล้ว
  1. ตั้งรหัส PIN 4 ตัวเพื่อความปลอดภัย
  2. เปิดใช้งานระบบไบโอเมตริก (ลายนิ้วมือหรือใบหน้า) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงกระเป๋าเงิน

เพียงเท่านี้ คุณก็มีกระเป๋าเงินบิทคอยน์แล้ว! สังเกตว่าไม่ต้องทำการยืนยันตัวตน (KYC) จึงรักษาความเป็นส่วนตัวได้อย่างเต็มที่

สร้างบัญชีกระเป๋าเงินของคุณ

ขั้นตอนที่ 3: การซื้อบิทคอยน์ด้วยเงิน 1000 บาท

ถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถซื้อบิทคอยน์ 100 บาทด้วย Best Wallet ได้ (เนื่องจากจำนวนเงินขั้นต่ำที่ให้ซื้อได้อยู่ที่ 210 บาท) คุณก็สามารถซื้อบิทคอยน์ไม่เกิน 500 หรือ 1000 บาท และชำระเงินได้ง่ายๆ ด้วยผู้ให้บริการแบบ Local Payment

  1. ที่หน้าหลักของแอพ Best Wallet ให้กดปุ่ม “ซื้อ” (Buy) ที่ด้านล่างของหน้าจอ
  2. เลือกสกุลเงินคริปโตที่ต้องการซื้อ:
  • เลือกเชน Bitcoin จากรายการ
  • จากนั้นเลือก Bitcoin (BTC) ที่แสดงในรายการด้านล่าง

การซื้อบิทคอยน์ด้วยเงิน 1000 บาท

  1. คุณสามารถซื้อบิทคอยน์ 1000 บาท หรือ 500 บาทได้ด้วยการ:
  • กรอกจำนวน 1000 หรือ 500 ในช่องจำนวนเงิน
  • เลือกสกุลเงินบาท (THB) จากตัวเลือกสกุลเงินที่มีให้
  • ระบบจะคำนวณจำนวน BTC ที่คุณจะได้รับโดยอัตโนมัติตามราคาตลาดปัจจุบัน

คุณสามารถซื้อบิทคอยน์ 1000 บาท หรือ 500 บาทได้ด้วยการ

  1. เลือกวิธีการชำระเงิน:
  • บัตรเครดิต/เดบิต (มักจะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าวิธีอื่น)
  • การสแกน QR Code ในแอพธนาคาร
  • Google Play
  • บริการชำระเงินอื่นๆ (PayPal, Skrill, NetTeller, Revolut Pay)
  1. ระบบจะนำคุณไปยังผู้ให้บริการชำระเงินบุคคลที่สาม:
  • ทำตามขั้นตอนการชำระเงินที่ปรากฏบนหน้าจอ
  • ยืนยันการทำรายการและชำระเงิน 1000 บาท
  1. รอการยืนยันการทำธุรกรรม:
  • เมื่อการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์ ระบบจะแจ้งเตือนว่าการทำรายการสำเร็จ
  • บิทคอยน์จะถูกส่งเข้ากระเป๋าเงินของคุณทันทีหรือภายในไม่กี่นาที
  1. ตรวจสอบยอดบิทคอยน์ที่ได้รับในกระเป๋า:
  • กลับไปที่หน้าหลักของแอพ Best Wallet
  • ดูยอดบิทคอยน์ที่เพิ่มเข้ามาในกระเป๋าเงินของคุณ
  • แอพจะแสดงผลมูลค่าของ BTC ที่คุณมีในสกุลเงิน USD และจำนวน BTC ทั้งหมดที่คุณมี

การลงทุนบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องยาก แม้แต่มือใหม่ก็ทำได้

บางครั้ง เมื่อพูดถึงบิทคอยน์ เหล่านักลงทุนหน้าใหม่ก็อาจจะรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในสกุลเงินคริปโตชั้นนำนี้ ไม่ว่าจะเป็นราคาที่สูง ความผันผวน หรือความซับซ้อนที่มากจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งบทความนี้ เราได้แนะนำวิธีการง่ายๆ ในการลงทุนบิทคอยน์ ทั้งการซื้อผ่าน Best Wallet ที่ให้คุณซื้อได้โดยตรงแบบไม่ต้องซื้อผ่านกระดานเทรดให้ยุ่งยากแต่อย่างใด รวมไปถึง เทคนิคในการลงทุนบิทคอยน์แบบมือใหม่ที่จะช่วยให้คุณทำการลงทุนได้แบบไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อน ช่วยปูพื้นฐานเพื่อให้คุณสามารถเดินทางต่อไปในตลาดคริปโตในอนาคตได้อย่างราบรื่น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลงทุนบิทคอยน์

บิทคอยน์คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรในชีวิตประจำวัน?

การลงทุนในบิทคอยน์มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ควรรู้?

สามารถซื้อบิทคอยน์ด้วยเงินจำนวนน้อย เช่น 100 บาท ได้จริงหรือ?

แอพ BestWallet.com ปลอดภัยสำหรับการลงทุนบิทคอยน์หรือไม่?

ควรเริ่มต้นศึกษาเรื่องบิทคอยน์จากแหล่งข้อมูลใดบ้าง?

การเทรดบิทคอยน์แตกต่างจากการลงทุนบิทคอยน์อย่างไร?

By Pongsit Kantimanukul

นักเขียนผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตและเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยประสบการณ์การเขียนมากกว่า 6 ปี จากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงงานอดิเรก สู่การเป็นผู้สร้างเนื้อหาที่มุ่งมั่นถ่ายทอดความรู้แบบเจาะลึก ทั้งด้านการลงทุน เทคโนโลยีบล็อกเชน และนวัตกรรมทางการเงิน นำเสนอมุมมองที่รอบด้านผ่านการวิเคราะห์ที่เป็นกลาง พร้อมถ่ายทอดแนวคิดที่ซับซ้อนให้เข้าถึงง่าย ด้วยเป้าหมายในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในวงการคริปโตให้กับผู้อ่านทุกระดับ