Best Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินคริปโตแบบ non-custodial ชั้นนำ เข้าสู่กลุ่มแพลตฟอร์มระดับท็อป หลังได้รับตรารับรอง ‘WalletConnect Certified’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมาตรฐานสูงสุดทั้งด้านประสบการณ์ผู้ใช้งาน ความปลอดภัย การเชื่อมต่อ และฟีเจอร์ที่ครบครัน
ในช่วงที่กระแสคริปโตเติบโตเร็ว โดยเฉพาะจากฝั่งสถาบันและทุน TradFi ที่เริ่มเข้าสู่ตลาดหลังการผ่านร่าง GENIUS Act และการเติบโตของโทเค็น RWA การมีวอลเล็ตที่ปลอดภัย ใช้งานง่าย จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานใหม่หลายล้านคน
Best Wallet ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นั้นโดยเฉพาะ ด้วยค่าธรรมเนียมถูก ฟีเจอร์ล้ำสมัยอย่างเครื่องมือคัดกรองโปรเจกต์ ระบบเทรดแบบ DCA อัตโนมัติ และธุรกรรมแบบไม่ต้องใช้ gas token ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
ตรารับรองล่าสุดจาก WalletConnect เป็นอีกหนึ่งหลักฐานของความมุ่งมั่นในแนวทางที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานเป็นอันดับแรก ทั้งด้านดีไซน์และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Best Wallet ติดโผวอลเล็ตชั้นนำของโลก หลังคว้าตรารับรองจาก WalletConnect
WalletConnect ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านเซสชันต่อเดือน เตรียมเปิดตัว WalletGuide ในเดือนกันยายนนี้ แพลตฟอร์มนี้จะเป็นไดเรกทอรีที่รวบรวมวอลเล็ตที่ผ่านเกณฑ์ UX และความปลอดภัยระดับสูงสุดของอุตสาหกรรม
Best Wallet ได้รับเลือกให้ติดตรา WalletConnect Certified และจะปรากฏในรายชื่อเดียวกับแพลตฟอร์มดังอย่าง Trust Wallet, MetaMask, Binance Wallet และ Uniswap Wallet
แม้เพิ่งเปิดตัวได้ราวปีเดียว Best Wallet ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยผู้ใช้งานมากกว่า 250,000 รายต่อเดือน และการเชื่อมต่อกับโปรโตคอลแบบกระจายศูนย์กว่า 330 ตัว พร้อมรองรับบริดจ์ข้ามเชนอีก 30 ราย
นอกจากนี้ ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Upcoming Tokens ก็ทำให้แพลตฟอร์มโดดเด่นเหนือคู่แข่งหลายราย และการได้รับตรารับรองจาก WalletConnect ก็ยิ่งตอกย้ำว่านี่คือหนึ่งในกระเป๋าคริปโตที่น่าจับตาที่สุดในตอนนี้
ความชัดเจนด้านนโยบายเร่งการนำ Stablecoin และ RWA เข้าสู่ระบบการเงินกระแสหลัก
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการยอมรับคริปโตในตอนนี้คือการผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่สำคัญที่สุดฉบับหนึ่งของสหรัฐในโลกคริปโต
🚨 @POTUS signs the GENIUS Act into law — a historic piece of legislation that will pave the way for the United States to lead the global digital currency revolution. pic.twitter.com/bYT0bAEjcJ
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) July 18, 2025
เป็นครั้งแรกที่กฎหมาย GENIUS Act วางกรอบกลางระดับชาติสำหรับการออก Stablecoin ที่มีสินทรัพย์หนุนหลังแบบเต็มจำนวน ซึ่งช่วยเร่งให้สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) เข้ามาใช้งานคริปโตมากขึ้น หลังจากที่บริษัทอย่าง Visa, Stripe และ PayPal ทดลองใช้งานไปก่อนหน้านี้ กฎหมายฉบับนี้ก็เป็นตัวผลักให้มีการเริ่มใช้งานจริงในวงกว้าง
กฎใหม่กำหนดให้ผู้ออก Stablecoin ต้องมีสินทรัพย์สภาพคล่องสูงหนุนหลังแบบ 1:1 เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมการเก็บรักษาแยกบัญชีอย่างปลอดภัย และการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามอย่างสม่ำเสมอ
สิ่งนี้จะช่วยลดอุปสรรคที่เคยขัดขวางธนาคาร ผู้ให้บริการชำระเงิน และแพลตฟอร์มฟินเทคจากการนำ Stablecoin มาใช้ในระดับมหภาค
กฎระเบียบที่ชัดเจนนี้ยังช่วยเร่งการเติบโตของสินทรัพย์จริงที่ถูกทำให้เป็นโทเค็น (RWA) ซึ่งในหลายแง่ก็ครอบคลุมถึง Stablecoin อยู่แล้ว เช่น USDC, USDT และ PYUSD ที่มีเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลหนุนหลังอย่างโปร่งใส ทำให้จัดอยู่ในกลุ่ม RWA ได้เช่นกัน
เมื่อรวมกันแล้ว Stablecoin และ RWA ตอนนี้มีมูลค่ารวมบนบล็อกเชนเกือบ 3 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งในรูปแบบพันธบัตรรัฐบาล กองทุนตลาดเงิน และตราสารหนี้บริษัท
ซึ่งเครื่องมือการลงทุนเหล่านี้กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก และจำเป็นต้องมีโครงสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยเพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต
แม้ Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan จะเคยแสดงความไม่มั่นใจต่อ Stablecoin แต่ปัจจุบันเขาก็เริ่มหันมาศึกษาการออก “JPMorgan deposit coin” และโครงการ Stablecoin ของธนาคารแล้ว
โดยเขายอมรับในการประชุมผลประกอบการล่าสุดว่า JPMorgan “ไม่สามารถยืนดูเฉยๆ ได้อีกต่อไป” ขณะที่คู่แข่งเริ่มรุกเข้ามาในพื้นที่ แม้เจ้าตัวจะยังสงสัยว่า Stablecoin มีความจำเป็นจริงหรือไม่เมื่อเทียบกับระบบชำระเงินแบบเดิมก็ตาม
สำหรับฝั่งฟินเทค หลายเจ้ากำลังใช้ Stablecoin เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม ซึ่งหาก JPMorgan เพิกเฉย อาจเสียส่วนแบ่งตลาดการชำระเงินให้กับคู่แข่งเหล่านี้
ขณะที่ Western Union ซึ่งถือครองสัดส่วนธุรกิจโอนเงินข้ามประเทศทั่วโลกประมาณ 25% มอง Stablecoin เป็นโอกาสมากกว่าภัยคุกคาม ซีอีโอ Devin McGranahan ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า เทคโนโลยีที่ช่วยให้การโอนเงินข้ามประเทศรวดเร็วขึ้น ย่อมเป็นประโยชน์กับทั้งบริษัทและลูกค้า
สถานการณ์ปัจจุบันคือ จุดที่นโยบาย โครงสร้างพื้นฐาน และความต้องการผู้ใช้งานเริ่มมาบรรจบกัน Best Wallet เองก็ถูกออกแบบมาให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้มีศักยภาพในการรองรับผู้ใช้งานกลุ่มใหม่ที่จะหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
Best Wallet เดินหน้าขยายฟีเจอร์ให้ครอบคลุมทั้งโลกคริปโต & การเงิน
แผนพัฒนาเฟสถัดไปของ Best Wallet สอดรับกับทิศทางใหม่ของตลาด โดยไม่ใช่แค่กระเป๋าคริปโตแบบ all-in-one อีกต่อไป
ในเฟสที่ 4 จะเพิ่มฟีเจอร์ทำธุรกรรมแบบไม่ใช้ gas token ลดต้นทุนให้ผู้ใช้งาน พร้อมระบบ DCA อัตโนมัติสำหรับ Bitcoin ช่วยให้การสะสมระยะยาวเป็นเรื่องง่ายขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มองหาแอปสะสม BTC ระยะยาวแบบคุ้มค่า
นอกจากนี้ โครงการยังเตรียมเปิดให้เทรดอนุพันธ์ภายในแอปเร็วๆ นี้ ต่อเนื่องจากฟีเจอร์ DEX ที่ให้ผู้ใช้งานซื้อขายได้โดยไม่ต้องออกจากแอปด้วย
เร็วๆ นี้ โครงการจะเปิดตัวฟีเจอร์ Staking Aggregator ที่ช่วยค้นหาโปรโตคอลที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดแบบเรียลไทม์ ผู้ใช้งานจะสามารถเลือก stake ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อนาคตฟีเจอร์นี้อาจครอบคลุมถึงโปรโตคอล RWA (Real-World Assets) เช่น พันธบัตรรัฐบาล กองทุนตลาดเงิน และตราสารหนี้ ที่ถูกแปลงเป็นโทเค็นและสร้างรายได้จริงบนบล็อกเชน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงแหล่งรายได้ใหม่ๆ ที่ผสมผสานระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมกับ DeFi
นอกจากนี้ยังมี Best Card บัตรเดบิตที่ให้ใช้เหรียญคริปโตที่เก็บไว้ในแพลตฟอร์มเพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเหรียญ stablecoin ที่เริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว ซึ่งทำให้ใช้งานคริปโตได้ง่ายเหมือนเงินสดเลยทีเดียว
Best Wallet พร้อมคว้าโอกาสในยุคสินทรัพย์ดิจิทัลโตเต็มที่
ด้วยความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่ช่วยเร่งให้ Stablecoin และ RWA เข้าสู่โลกการเงินดั้งเดิม ตลาดจึงกำลังเปลี่ยนจากการทดลองเล็ก ๆ เป็นการใช้งานจริงในวงกว้าง
ดังนั้น กระเป๋าคริปโตที่ปรับตัวเร็วและเชื่อมต่อได้ดีจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการดึงผู้ใช้กลุ่มใหม่เข้าสู่ตลาด
Best Wallet กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายขึ้น พร้อมกับได้รับการยอมรับจาก WalletConnect ในด้านคุณภาพแพลตฟอร์มที่ใช้งานอยู่ตอนนี้
ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวสอดคล้องกับการเติบโตของตลาด จึงจะช่วยวางรากฐานสำหรับการเติบโตที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ใครสนใจติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการนี้ได้ทาง X, Telegram และ Discord ได้เลย
ดาวน์โหลด Best Wallet ได้แล้ววันนี้บน Google Play และ Apple App Store