ในอดีต บิทคอยน์ หรือ Bitcoin (BTC) เคยถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์แปลกแยกในวงการการลงทุนแบบดั้งเดิม เพราะมีความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง หลายคนเชื่อว่ามันเป็นเพียงกระแสชั่วคราวเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ทัศนคตินี้ได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์อย่าง BlackRock กำลังพลิกมุมมองที่เคยมีต่อ BTC ถึงกับกล่าวว่าการไม่มี BTC ในพอร์ตการลงทุนนั้น อาจเสี่ยงเกินไปเสียแล้ว
ทั้งนี้ สถิติจากการที่เงินทุนหลั่งไหลเข้ามาในตลาด Bitcoin ETF ในปี 2025 ได้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลจากบริษัทการเงินดั้งเดิม
และใช่แล้ว BlackRock ซึ่งบริหารสินทรัพย์มูลค่ากว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ยกระดับ บิทคอยน์ ขึ้นเป็น “สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์” หรือ Strategic Bitcoin Reserves และนี่ไม่ใช่แค่ลมปาก เพราะพวกเขาได้ลงมืออย่างจริงจัง
จากความสงสัยสู่กลยุทธ์: จุดยืนของ BlackRock ต่อ บิทคอยน์
Robbie Mitchnick หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของ BlackRock ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ระหว่างงาน Token2049 โดย BlackRock ที่เคยมีท่าทีไม่ค่อยเป็นมิตรกับคริปโตในอดีต แต่กลับเปลี่ยนมุมมองอย่างชัดเจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เหตุผลคืออะไร? ง่ายๆ ก็คือ ข้อมูลและผลการดำเนินงานของ BTC นั้น ยากเกินกว่าจะเพิกเฉยได้
บิทคอยน์ ได้แสดงศักยภาพที่เหนือกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยลักษณะที่ไม่ขึ้นกับธนาคารกลางใด ๆ การมีจำนวนจำกัดแบบชัดเจน และความสามารถในการเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ไม่ไว้วางใจในระบบเงินตราแบบดั้งเดิม
BlackRock just suggested a 2% allocation to Bitcoin. 🤯
— w3ultra (@w3ultra) May 5, 2025
With $900 trillion in global assets, that’s an $18 TRILLION Bitcoin market cap.
Meaning each Bitcoin could be worth around $900K. 😱
We’re not even close to the finish line, folks. This is just the beginning. 🚀#BTCUSD
นอกจากนี้ ผู้บริหารของ BlackRock ยังเน้นด้วยว่า ปัจจุบัน BTC ไม่ใช่แค่เครื่องมือเก็งกำไรอีกต่อไป แต่มีคุณสมบัติที่สำคัญต่อการลงทุนระยะยาวด้วย
เช่น การที่ BTC มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างหุ้นและพันธบัตรในระดับต่ำ รวมถึงศักยภาพในการเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
BlackRock ย้ำ อย่าเพิ่งเทหมดหน้าตัก
แน่นอนว่า BlackRock ไม่ได้แนะนำให้นักลงทุนทุ่มเงินทั้งหมดไปกับ BTC แต่พวกเขาเสนอคำแนะนำที่สมเหตุสมผลว่า สำหรับนักลงทุนที่อยากทดลอง อาจเริ่มต้นด้วยการจัดสรรพอร์ตประมาณ 1-2 เปอร์เซ็นต์ก่อน
สัดส่วนดังกล่าวเล็กพอที่จะไม่สร้างความเสียหายใหญ่หลวง หากมูลค่าของ BTC ตกลง แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างโอกาส หากราคายังคงเพิ่มขึ้น
คำแนะนำนี้ปรากฏในรายงานปี 2024 ของบริษัท และยังคงเป็นทิศทางที่พวกเขาสนับสนุนในปัจจุบัน โดย BlackRock มองว่า บิทคอยน์ ควรถูกพิจารณาเหมือนเครื่องมือที่มีความเสี่ยงสูงแต่ให้ผลตอบแทนที่อาจคุ้มค่า มากกว่าที่จะมองว่าเป็นแค่ตั๋วลอตเตอรี่
Bitcoin ETF ปี 2025: ความเชื่อมั่นมูลค่า $5 หมื่นล้าน
iShares Bitcoin Trust (IBIT) หรือ Bitcoin ETF แบบ Spot ของ BlackRock ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม
โดยในปลายเดือนเมษายน 2025 กองทุนนี้ถือครอง BTC มูลค่ากว่า 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกองทุนการลงทุนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และแน่นอนว่าเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ไม่ได้เข้ามาโดยไม่มีเหตุผล มันสะท้อนถึงความจริงจังของสถาบันการเงินที่มอง BTC เป็นสินทรัพย์ที่คู่ควร
ไม่ใช่แค่ BlackRock เท่านั้น คู่แข่งในอุตสาหกรรมอย่าง Fidelity, Bitwise และ Ark Invest ก็ได้เปิดตัว Spot Bitcoin ETF ของตัวเองเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกระแสความต้องการจากนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้น
สิ่งนี้บอกอะไรเรา?
การเปลี่ยนแปลงท่าทีของ BlackRock ต่อบิทคอยน์ไม่ใช่แค่ข่าวทั่วไป แต่มันสะท้อนถึงการเติบโตของวงการคริปโต แม้ว่า BTC จะยังคงมีความผันผวนและความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว การมองข้ามมันไปอาจไม่ใช่ทางเลือกที่รอบคอบอีกต่อไป
ในทางกลับกัน การเลือกที่จะไม่ถือครอง BTC อาจหมายถึงการพลาดโอกาสสำคัญในโลกการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ BTC มีราคาอยู่ที่ $97,084.31 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.1% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ขณะที่เหรียญมีมบิทคอยน์อย่าง BTC Bull Token (BTCBULL) ซึ่งเป็นเหรียญ presale ที่มีชื่อจากการแจกแอร์ดรอป BTC ก็สามารถระดมทุนได้กว่า $5.39 ล้านแล้ว
สรุปได้ว่า BlackRock มองว่า BTC เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่นักลงทุนควรพิจารณาลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นใน Bitcoin จากสถาบันการเงินดั้งเดิม และอาจนำไปสู่การเติบโตของตลาดคริปโตในอนาคต