ท่ามกลางความผันผวนของตลาด Cryptocurrency ที่ราคา Bitcoin ไม่สามารถยืนเหนือระดับ $100,000 ได้อย่างมั่นคง ล่าสุดทีมนักวิเคราะห์จาก JPMorgan ได้เปิดเผยรายงานที่น่าสนใจเกี่ยวกับสาเหตุของปรากฏการณ์นี้ โดยชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในพฤติกรรมของนักลงทุนสถาบัน และความท้าทายที่อาจส่งผลต่อราคา Bitcoin ในระยะถัดไป
นักลงทุนสถาบันถอยห่าง สัญญาณเตือนจากตลาด Futures
การเติบโตของราคา Bitcoin ในช่วงที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนสำคัญจากนักลงทุนสถาบัน แต่หลังจากที่ราคาทะลุระดับ $100,000 ได้สำเร็จ กลับไม่สามารถสร้างแรงส่งต่อเนื่องได้
Nikolaos Panigirtzoglou นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจผ่านรายงานถึงลูกค้า โดยพบการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาด Futures ของ Bitcoin และ Ethereum บน Chicago Mercantile Exchange (CME) ที่เริ่มแสดงสัญญาณของ Backwardation หรือ ปรากฏการณ์ที่ราคา Spot สูงกว่าราคา Futures ซึ่งในภาวะตลาดปกติ ราคา Futures ควรจะสูงกว่าราคา Spot เนื่องจากความคาดหวังในการเติบโตในอนาคต
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนสถาบันต่อทิศทางราคาในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาร่วมกับการลดลงของความต้องการจากกองทุนที่ใช้กลยุทธ์แบบ Systematic และ Momentum-driven เช่น CTAs ที่เริ่มลดการเข้าซื้อในตลาด Futures ของทั้ง Bitcoin และ Ethereum อย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ กับความล่าช้าในการฟื้นตัวของ Bitcoin
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนคือการชะลอตัวของกระแสความตื่นเต้นเกี่ยวกับนโยบายสนับสนุน Cryptocurrency จากรัฐบาล Trump ที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศ แม้ว่าจะมีความหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในด้านกฎระเบียบและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม Crypto แต่การประเมินจาก JPMorgan ชี้ว่า นโยบายสนับสนุนหรือการปฏิรูปกฎระเบียบใดๆ มีแนวโน้มที่จะไม่เกิดผลเป็นรูปธรรมจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2025
สถานการณ์นี้ส่งผลให้ตลาด Bitcoin และ Cryptocurrency โดยรวมตกอยู่ในภาวะชะงักงัน ไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่จะมากระตุ้นราคา ในขณะที่นักลงทุนที่ได้กำไรแล้วยังคงทยอยขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงกดดันสำคัญต่อราคา Bitcoin ในปัจจุบัน
ข้อกังวลเรื่องการบิดเบือนราคาในตลาด
ประเด็นที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือข้อสงสัยเกี่ยวกับการบิดเบือนราคาในตลาด โดย Samson Mow CEO ของ Jan3 ได้แสดงความกังวลว่าการที่ราคา Bitcoin ไม่สามารถสร้างแรงส่งขึ้นไปเหนือระดับ $100,000 ได้อย่างยั่งยืนนั้น ดูเหมือนเป็นการ “จัดฉาก” โดยผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด
ข้อสังเกตของ Mow ชี้ให้เห็นว่า ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยยังคงทยอยซื้อและใช้กลยุทธ์ Dollar-Cost Averaging อย่างต่อเนื่อง แต่กลับมีผู้เล่นรายใหญ่บางรายที่เร่งขายในทิศทางตรงกันข้าม ข้อกังวลนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประวัติศาสตร์ของ Bitcoin ที่มักมีช่วงเวลาที่ถูกสงสัยว่ามีการบิดเบือนราคาโดย Whale และการที่มีนักลงทุนสถาบันเข้ามาในตลาดมากขึ้นในรอบนี้ ยิ่งทำให้โอกาสในการบิดเบือนราคามีความเป็นไปได้มากกว่าในรอบก่อนๆ
โอกาสใหม่ท่ามกลางความผันผวน: BTC Bull ($BTCBULL)
ในขณะที่ราคา Bitcoin ยังคงเผชิญกับแรงกดดันที่ระดับ $96,180 และปรับตัวลดลง 2% ในรอบ 24 ชั่วโมง นักลงทุนกำลังให้ความสนใจกับทางเลือกใหม่ๆ อย่าง BTC Bull ($BTCBULL) โครงการที่นำเสนอนวัตกรรมการลงทุนที่น่าสนใจ ด้วยระบบการให้รางวัลที่เป็น Bitcoin จริงแก่ผู้ถือโดยอัตโนมัติเมื่อราคา Bitcoin ทะลุเป้าหมายสำคัญ
BTC Bull สร้างความแตกต่างจากโทเค็นทั่วไปด้วยระบบ Staking ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 169% ต่อปี โดยมี Staking Pool รวมกว่า 620,764,851 BTCBULL ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับนักลงทุน ปัจจุบัน BTC Bull กำลังอยู่ในช่วง Presale โดยราคาเหรียญอยู่ที่ $0.002375 และสามารถระดมทุนไปแล้วกว่า $2.58 ล้านจากเป้าหมาย $3.07 ล้าน
สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ในตลาด Crypto ขณะที่ราคา Bitcoin ยังไม่สามารถทะลุ $100,000 ได้อย่างยั่งยืน BTC Bull อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบรอบระดับ $100,000 ไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2025 การลงทุนใน BTC Bull จึงเป็นวิธีที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจในระหว่างที่รอการฟื้นตัวของตลาด
ด้วยการที่ราคา Presale มีกำหนดจะปรับขึ้นในเร็วๆ นี้ จึงอาจเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการ เพื่อรับประโยชน์สูงสุดจากทั้งการเติบโตของมูลค่าโทเคนและระบบการให้รางวัลที่เป็น Bitcoin โดยตรง ในขณะที่ยังคงติดตามพัฒนาการของตลาด Bitcoin อย่างใกล้ชิด
